ภาษาเตตุม (หรือเตตุน) เป็นภาษาประจำชาติของประเทศติมอร์-เลสเต เป็นภาษากลุ่มออสโตรนีเชียน ที่มีคำจำนวนมากมาจากภาษาโปรตุเกส รวมถึงภาษามาเลย์และภาษาอินโดนีเซีย
เตตุมเกิดเป็นภาษาสำหรับการติดต่อในคริสต์ศตวรรษที่ 16 หลังจากที่ได้กลายเป็นอาณานิคมของประเทศโปรตุเกส ภาษาหลักของภาษานี้ เป็นภาษาที่ใช้ในเมืองหลวงดิลี เรียกว่า เตตุน-ปราซา: Tetun-Prasa ส่วนรูปแบบพื้นเมืองที่ใช้พูดในชนบทเรียกว่า เตตุน-เตริก: Tetun-Terik
ถึงแม้ว่า ภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาราชการของโปรตุเกสติมอร์ ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกในสมัยนั้น เตตุน-ปราซา เป็นภาษา lingua franca ที่ใช้กันเป็นหลัก ซึ่งยื่มคำมาจากโปรตุเกสเป็นอย่างมาก เมื่อประเทศอินโดนีเซียบุกเข้ายึดครองติมอร์ตะวันออกเป็นจังหวัดที่ 27 ของสาธารณรัฐ ได้มีการห้ามใช้ภาษาโปรตุเกส อย่างไรก็ดี แทนที่ศาสนจักรนิกายคาทอลิก จะนำภาษาอินโดนีเซียมาใช้ในพิธีสวดมนต์ ก็ได้นำภาษาเตตุมมาใช้แทน ทำให้เป็นจุดรวมของเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและชาติ
ไวยากรณ์ของภาษาเตตุมไม่ซับซ้อน ไม่มีการแบ่งเพศ ไม่มีการผันคำกริยา ไม่มีคำนำหน้านามชี้เฉพาะ ไม่มีคำกริยาที่ตรงกับ verb to be ของภาษาอังกฤษ แต่มีคำ la'?s (แปลว่าไม่เป็น) ซึ่งแสดงความปฏิเสธ
รูปพหูพจน์ไม่นิยมใช้กับคำนาม ยกเว้นมีคำว่า sitra (พวกเขา) อยู่ด้วย เช่น fetu = ผู้หญิง (1 คน) fetu sitra = ผู้หญิง (หลายคน) ในกรณีของคำที่มาจากภาษาโปรตุเกส มีการแยกรูปพหูพจน์ (ลงท้ายด้วย s) เช่น Estadus Unidus = สหรัฐอเมริกา Nasoens Unidas = สหภาพแห่งชาติ
เปลี่ยนคำคุณศัพท์เป็นคำนาม เติมคำ oan เช่น malae = ต่างชาติ malae-oan = ชาวต่างชาติ ในทำนองเดียวกัน ชาวติมอร์เขียนว่า Timor-oan เมื่อกล่าวถึงประเทศของชาวติมอร์ใช้ Rai-Timor
ภาษาเตตุมมีคำว่า"เรา" 2 คำแบบเดียวกับภาษามาเลย์ คือ ami (ไม่รวมผู้ฟัง) และ ita (รวมผู้ฟัง) เช่น ami-nia karreta = รถของเรา ita-nia rain = ประเทศของเรา
คำว่า nia แสดงถึงเหตุการณ์ที่ยังดำเนินอยู่ การแสดงความเป็นเจ้าของใช้คำว่า nian เช่น povu Tim?r Lorosa'e nian = ประชาชนของติมอร์-เลสเต
ในภาษาเตตุมไม่มีรูปประธานถูกกระทำ แต่คำอุปสรรค "na-" หรือ "nak-" ใช้เปลี่ยนรูปกริยาจากสกรรมกริยาเป็นอกรรมกริยา เช่น