ภาษาเชเชน เป็นภาษาราชการของสาธารณรัฐเชเชน (เชชเนีย) ในรัสเซีย มีผู้พูดราว 1.2 ล้านคน คำศัพท์ส่วนมากเป็นคำยืมจากภาษารัสเซีย ภาษาตุรกี ภาษาคาลมึกซ์ ภาษาอาหรับ ภาษาเปอร์เซีย ภาษาอลานิกหรือภาษาออสเซติกอยู่ในภาษากลุ่มคอเคซัส จัดอยู่ในภาษากลุ่มนัขร่วมกับภาษาอิงกุซและภาษาบัตส์ ทั้งหมดนี้อยู่ในภาษากลุ่มคอเคเซียนตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีเพียงภาษาอิงกุซและภาษาเชเชนที่เข้าใจกันได้
จากข้อมูลของรัสเซียเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2545 มีผู้พูดภาษาเชเชน 1,330,000 คน Ethnologue ประเมินจำนวนผู้พูดภาษาเชเชนทั้งหมด 955,000 คน โดยใช้ข้อมูลจำนวนผู้พูดในรัสเซีย 945,000 คน ใน พ.ศ. 2532 และประเมินจำนวนผู้พูดภาษาเชเชนในตะวันออกกลางโดยเฉพาะจอร์แดน
ลักษณะของภาษาเชเชนมีพยัญชนะและสระคล้ายกับภาษาอาหรับและภาษาซาลิชานของอเมริกาเหนือ และมีระบบสระขนาดใหญ่คล้ายกับภาษาสวีเดนและภาษาเยอรมัน
ภาษาเชเชนมีพยัญชนะจำนวนมากถึง 31 ตัวเช่นเดียวกับภาษาพื้นเมืองในภาษากลุ่มคอเคซัส ซึ่งมีพยัญชนะมากกว่าภาษาในยุโรป
ภาษาเชเชนต่างจากภาษากลุ่มคอเคซัสเพราะภาษาเชเชนมีสระจำนวนมากโดยเฉพาะสระประสมประมาณ 27 เสียง ขึ้นกับสำเนียง ซึ่งใกล้เคียงกับระบบสระของภาษากลุ่มสแกนดิเนเวียและภาษาเยอรมัน
คำนามภาษาเชเชนแบ่งเป็นเพศหรือระดับที่หลากหลาย แต่ละอันมีอุปสรรคเฉพาะซึ่งเข้ากันได้กับกริยาและคุณศัพท์ อย่างไรก็ตาม ภาษาเชเชนไม่ใช่ภาษาที่ละประธานได้ ต้องใช้สรรพนามที่เป็นประธานเสมอแม้ในประโยคง่ายๆ และกริยาไม่ต้องเข้ากับประธานหรือบุคคลหรือจำนวนของกรรม
ภาษาเชเชนมีระบบรากศัพท์ที่ท้าทาย การสร้างคำใหม่ในภาษาเกี่ยวกับการสร้างวลีทั้งหมดมากก่าการเติมเข้าที่ส่วนท้ายของคำเดิม หรือการรวมคำที่มีอยู่แล้ว เป็นการยากที่จะระบุลักษณะของวลีในพจนานุกรม และไวยากรณ์ของภาษาไม่ยอมให้มีการยืมลักษณะทางกริยาเพื่อสร้างคำใหม่ คำกริยา dan (ตรงกับ to do ในภาษาอังกฤษ) รวมกับกริยานามวลีใช้เพื่อเชื่อมโยงแนวคิดใหม่ที่มาจากภาษาอื่น
พบจารึกที่เขียนด้วยอักษรจอร์เจียในหุบเขาเชชเนีย แต่อักษรนี้ไม่จำเป็นในภาษาเชเชน ต่อมามีการนำอักษรอาหรับมาเขียนภาษาเชเชนหลังการเข้ามาของศาสนาอิสลาม การปรับรูปแบบครั้งแรกเกิดขึ้นในยุคของอิมามชามิลตามมาด้วยการปรับปรุงใน พ.ศ. 2453 พ.ศ. 2463 และ พ.ศ. 2465
ในเวลาเดียวกันมีการปรับอักษรโดย Peter von Uslar ซึ่งมีทั้งอักษรซีริลลิก อักษรละติน และอักษรจอร์เจียซึ่งมีการนำมาใช้ทางวิชาการ ใน พ.ศ. 2454 มีการปรับรูปแบบด้วยแต่ไม่เป็นที่นิยมในหมู่ชาวเชเชน มีการนำอักษรละตินมาใช้เมื่อ พ.ศ. 2468 และปรับให้เป็นรูปแบบเดียวกับภาษาอิงกุซเมื่อ พ.ศ. 2477 แต่แยกตัวออกมาเมื่อ พ.ศ. 2481 ในช่วง พ.ศ. 2481 - 2535 ใช้อักษรซีริลลิกในการเขียนภาษาเชเชน ดังแสดงในตาราง
มีคำยืมจากภาษารัสเซีย ภาษากลุ่มเตอร์กิก (ส่วนมากมาจากภาษาคูเมียก) ภาษาอาหรับ ภาษาเปอร์เซีย และภาษาจอร์เจีย
ก่อนยุคที่รัสเซียเข้ามายึดครอง การเขียนภาษาเชเชนพบในหนังสือที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม ซึ่งเขียนด้วยภาษาอาหรับ แต่ก็มีการเขียนภาษาเชเชนด้วยอักษรอาหรับด้วย หนังสือเหล่านี้ถูกทำลายไปในยุคสหภาพโซเวียต การเขียนภาษาเชเชนเริ่มเกิดขึ้นหลังการปฏิวัติเดือนตุลาคม และเริ่มใช้อักษรละตินแทนอักษรอาหรับเมื่อประมาณ พ.ศ. 2468 และเปลี่ยนเป็นอักษรซีริลลิกเมื่อ พ.ศ. 2481 ในช่วงที่มีการประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐเชเชน เมื่อ พ.ศ. 2535 ผู้พูดภาษาเชเชนบางส่วนเปลี่ยนมาใช้อักษรละติน
มีผู้พูดภาษาเชเชนในตุรกี จอร์แดนและซีเรียซึ่งไม่มีการเขียน และผู้พูดกลุ่มนี้ไม่คุ้นเคยกับอักษรซีริลลิก อย่างไรก็ตาม การใช้อักษรในภาษาเชเชนขึ้นกับการเมือง กลุ่มที่ต้องการรวมกับรัสเซียสนับสนุนอักษรซีริลลิก ส่วนกลุ่มที่ต้องการแยกตัวสนับสนุนอักษรละติน