ภาษาดิเวฮิ (Divehi) เป็นภาษากลุ่มอินโด-อารยันและเป็นภาษาราชการของประเทศมัลดีฟส์ มีคนพูดประมาณ 300,000 คน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในมัลดีฟส์ รวมทั้งภาษามาห์ล (Mahl dialect)ที่ใช้ในลักษทวีป ซึ่งเป็นดินแดนสหภาพของอินเดีย เรียกชื่อต่างกันด้วยเหตุผลทางการเมือง ภาษาที่มีอิทธิพลพัฒนาของภาษาดิเวฮิมีหลายภาษา โดยเฉพาะภาษาอาหรับ ที่เข้ามาพร้อมกับศาสนาอิสลาม รวมทั้ง ภาษาสิงหล ภาษามาลายาลัม ภาษาฮินดี ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเปอร์เซีย ภาษาโปรตุเกส และ ภาษาอังกฤษ คาดว่าภาษาดิเวฮิและภาษาสิงหลสืบมาจากภาษาเดียวกัน ซึ่งได้สูญพันธุ์ไป เมื่อเกิดภาษาใหม่ 2 ภาษาในช่วงประมาณ พ.ศ. 43
ผู้ศึกษาภาษานี้เป็นคนแรกคือ H. C. P. Bell เขาตั้งชื่อภาษานี้ว่า Divehi มาจาก –dives ของชื่อประเทศคือ Maldives คำว่าดิเวฮินี้มีรากศัพท์มาจากคำเดียวกับทวีป (dv?p) ซึ่งหมายถึงเกาะในภาษาสันสกฤต นักภาษาศาสตร์ที่ทำวิจัยเกี่ยวกับภาษาดิเวฮิเป็นคนแรกคือ Wilhelm Geiger ชาวเยอรมัน
ภาษาดิเวฮิเป็นภาษากลุ่มอินโด-อารยันใกล้เคียงกับภาษาสิงหลในประเทศศรีลังกา จัดเป็นภาษากลุ่มอินโด-อารยันที่อยู่ใต้สุด ภาษาดิเวฮิมีลักษณะเฉพาะเช่นเดียวกับภาษาสิงหล ซึ่งเรียกรวมกันว่าภาษาอินโด-อารยันหมู่เกาะ
ในช่วงแรกเชื่อว่าภาษาดิเวฮิเป็นลูกหลานของภาษาสิงหล ใน พ.ศ. 2512 M. W. S. de Silva เสนอว่าภาษาสิงหลและภาษาดิเวฮิแตกแขนงออกมาจากภาษาแม่ที่เป็นภาษาปรากฤต ตระกูลภาษาดราวิเดียนมีอิทธิพลต่อภาษาดิเวฮิโดยเฉพาะชื่อโบราณ ทฤษฎีของ De Silva ได้รับการสนับสนุนจากตำนานของเจ้าชายวิชัยที่อพยพจากอินเดียยังศรีลังกาและแผ่อิทธิพลไปถึงมัลดีฟส์
เมื่อภาษาได้แพร่ไปตลอดหมู่เกาะได้เกิดความแตกต่างทางด้านคำศัพท์ และการออกเสียงขึ้น เนื่องจากเกาะอยู่ไกลกันมาก โดยเฉพาะระหว่างเกาะตอนเหนือและตอนใต้ คนในมาเล่ (Mal?) ไม่สามารถเข้าใจภาษาย่อยที่ใช้ในหมู่เกาะอัดดุ (Addu) ได้สำเนียงมาตรฐานคือสำเนียงมาเล่ที่ใช้พูดในเมืองหลวง สำเนียงที่สำคัญของภาษานี้มักพบทางตอนใต้ได้แก่ ฮูวาดุ ฟูอะ มูลากุ และอัดดุ มีเฉพาะสำเนียงมาเล่และสำเนียงมาลิกุเท่านั้นที่ใช้ในการเขียน สำเนียงอื่นใช้เฉพาะการพูดและการร้องเพลง
สำเนียงโมโลกิที่ใช้พูดในเกาะฟุวะห์มุละห์ต่างจากสำเนียงมาเล่ที่มีเสียง 'l' เป็นตัวสะกด (??) มีเสียง 'o' ท้ายคำ แทนที่เสียง 'u' เช่น 'fannu' กลายเป็น 'fanno' อักษรนะวิยะนิ (?) ซึ่งใช้แทนเสียงม้วนลิ้นของ "n" พบมากในภาษาในอินเดีย เช่นภาษาสิงหล ภาษาคุชราต ภาษาฮินดี ถูกตัดออกจากการเขียนมาตรฐานของภาษาดิเวฮิ เมื่อ พ.ศ. 2493 ปัจจุบันจะพบได้เฉพาะในเอกสารโบราณหรือการเขียนของสำเนียงอัดดุ
ภาษาดิเวฮิมีการแบ่งระดับชั้นของภาษาชัดเจนโดยมีระดับของภาษา 3 ระดับ คือ ระดับแรก รีทิ บัส (reethi bas) หรือ อาเธ-วดัยเนฟวุน (aadhe-vadainevvun) ในอดีตใช้ติดต่อกับชนชั้นสูงและราชวงศ์ แต่ปัจจุบันใช้ในวิทยุโทรทัศน์ ในการแสดงความเคารพต่อผู้สูงอายุ เจ้าหน้าที่ และคนแปลกหน้า จะใช้ระดับที่ 2 คือ ลับบา-ธุรุวุน (labba-dhuruvun) คนส่วนใหญ่ใช้ระดับที่ 3 ที่เป็นระดับกันเองในชีวิตประจำวัน
อักษรที่ใช้เขียนภาษาดิเวฮิมี 2 ชนิด ชนิดที่ใช้ในปัจจุบันเรียกว่าอักษรทานะ (Thaana) เขียนจากขวาไปซ้าย ส่วนอักษรดั้งเดิมเรียกอักษรดิเวส อกุรุ (Dhives Akuru) ซึ่งเขียนจากซ้ายไปขวา อักษรดิเวส อกุรุ ใช้ในทุกเกาะจนถึงช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 และการมาถึงของศาสนาอิสลาม แต่ยังคงใช้ในการติดต่อกับหมู่เกาะอัดดุ จนถึงช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ตอนต้น และยังคงใช้ในเกาะที่ห่างไกลและหมู่บ้านในชนบทจนถึงทศวรรษ 1960 คนที่ใช้เป็นอักษรแม่คนสุดท้ายตายในช่วงทศวรรษ 1990 และปัจจุบัน ส่วนใหญ่ชาวมัลดีฟส์ไม่ได้เรียนอักษรดิเวส อกุรุ กันทุกคน แต่คนที่เรียนจะเรียนเป็นอักษรที่ 2
อัตราการเรียนรู้หนังสือสูงมาก (98%) เมื่อเทียบกับประเทศในเอเชียใต้ประเทศอื่น ๆ ตั้งแต่ทศวรรษ 1960 ในการสอนหนังสือในโรงเรียนส่วนใหญ่ใช้ภาษาอังกฤษ แต่ก็ยังคงมีการสอนหนังสือภาษาดิเวฮิ และใช้ในการปกครอง