ฟุตบอลทีมชาติโปรตุเกส (โปรตุเกส: Sele??o Portuguesa de Futebol) เป็นตัวแทนทีมฟุตบอลระดับทีมชาติจากโปรตุเกส ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของสหพันธ์ฟุตบอลโปรตุเกส
ในระดับโลก โปรตุเกสยังไม่เคยได้แชมป์ใด ๆ โปรตุเกสเคยได้อันดับ 4 ในฟุตบอลโลก 2006 เข้าแข่งฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี ค.ศ. 1966 ที่เข้ารอบ 4 ทีมสุดท้าย (ที่ 3) แพ้ให้กับอังกฤษ 2–1 ต่อมาโปรตุเกสติดเข้ารอบฟุตบอลโลกในปี ค.ศ. 1986 และ 2002 แต่ตกรอบไปตั้งแต่รอบแรก
ในปี ค.ศ. 2003 สหพันธ์ฟุตบอลโปรตุเกสตัดสินใจจ้างลูอิส ฟีลีปี สโกลารี ชาวบราซิลที่เคยนำบราซิล ได้แชมป์ในฟุตบอลโลก 2002 โดยสโกลารีนำโปรตุเกสเข้าสู่รอบสุดท้ายในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2004 แต่แพ้ต่อกรีซในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งทำให้โปรตุเกสกลายเป็นหนึ่งในสองประเทศเจ้าภาพฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปที่ไม่ชนะในรอบชิงชนะเลิศ(อีกทีมคือฝรั่งเศส) และต่อมายังทำให้ทีมเข้าสู่ฟุตบอลโลก 4 ทีมสุดท้าย เป็นครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 2006 แต่หลังจากนั้นสโกลารีออกไปในปี ค.ศ. 2008 เพื่อเป็นผู้จัดการทีมเชลซี โดยได้การ์ลุช ไกรอช มาเป็นผู้จัดการคนใหม่ของทีมชาติโปรตุเกสในปี 2008 และเคยรอซได้นำทีมชาติโปรตุเกสเข้าสู่สุดท้ายในฟุตบอลโลก 2010
ในฟุตบอลโลก 2006 โปรตุเกสได้รับรางวัล "ฟีฟ่าเวิลด์คัพเอนเตอร์เทนเมนต์ทีมอวอร์ด" คือ ทีมที่เล่นได้สนุกเร้าใจที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย โดยเป็นทีมสุดท้ายด้วยที่ได้รับรางวัลนี้ก่อนที่จะถูกยกเลิกไป
โปรตุเกสเป็นแชมป์ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 ที่ฝรั่งเศส โดยในรอบชิงชนะเลิศสามารถเอาชนะฝรั่งเศสซึ่งเป็นเจ้าภาพไปได้ 1–0 ในช่วงทดเวลาพิเศษหลังเวลาการแข่งขันปกติ ในนาทีที่ 109 จากแอดืร์ ถือเป็นรายการใหญ่รายการแรกและรายการเดียวถึงขณะนี้ที่โปรตุเกสคว้าชัยชนะมาได้
ในรอบคัดเลือก โปรตุเกสผ่านเข้ารอบมาได้อย่างกระท่อนกระแท่น โดยนัดแรกก็เป็นฝ่ายแพ้ต่อสวีเดน แต่ท้ายสุดก็สามารถผ่านเข้าร่วมการแข่งขันได้ โดยอยู่ในกลุ่มเอฟ ซึ่งเป็นกลุ่มสุดท้ายร่วมกับฮังการี, ออสเตรีย และไอซ์แลนด์ ในรอบแรกโปรตุเกสไม่สามารถเอาชนะทีมใดได้เลย โดยได้ผลเสมอทั้ง 3 นัด แต่ได้ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายมาได้ ด้วยการเป็นทีมที่ได้อันดับ 3 หนึ่งในจำนวน 4 ทีม ที่มีคะแนนดีที่สุดในบรรดา 6 กลุ่ม
ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โปรตุเกสสามารถเอาชนะโครเอเชีย ซึ่งเป็นที่หนึ่งของกลุ่มดี มาได้ 0–1 ในช่วงทดเวลาพิเศษหลังเวลาแข่งขันปกติ ทั้งที่ถูกมองว่าเป็นรองกว่า ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายก็เอาชนะโปแลนด์มาได้ 5–3 จากการดวลจุดโทษตัดสิน หลังจบการแข่งขันในเวลาปกติ เสมอกันที่ 1–1 ในรอบ 4 ทีมสุดท้ายก็เอาชนะเวลส์มาได้ 2–0 จนกระทั่งในรอบชิงชนะเลิศก็เอาชนะฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเจ้าภาพได้ 1–0 ช่วงทดเวลาพิเศษหลังเวลาแข่งขันปกติ จากการยิงของแอดืร์ ในนาทีที่ 109 ได้แชมป์ไปในที่สุด โดยถือว่าเป็นแชมป์ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ เพราะไม่มีการคาดคิดมาก่อนว่าโปรตุเกสจะสามารถทำได้ เนื่องจากการเล่นแต่ละครั้งเป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่น โดยแข่งขันทั้งหมด 7 นัด รวมถึงรอบชิงชนะเลิศ โปรตุเกสเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ในเวลาแข่งขันปกติเพียงนัดเดียวเท่านั้น คือการเอาชนะเวลส์ นอกนั้นต้องตัดสินกันที่การต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที และการดวลจุดโทษตัดสิน
ผู้เล่นทั้งหมดนี้ถูกเรียกตัวมาในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 ระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน – 10 กรกฎาคม ค.ศ. 2016