ศาสตราจารย์ พระยาอนุมานราชธน (14 ธันวาคม พ.ศ. 2431 - 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2512) นักปราชญ์และนักการศึกษาคนสำคัญของไทย ผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมและเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของโลกชาวไทย ประจำปี พ.ศ. 2531 ขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2431 ที่เรือนไม้หลังหนึ่ง ติดคูด้านใต้วัดพระยาไกร แถวโรงเลื่อยบริษัทบอร์เนียว ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลพระยาไกร อำเภอยานนาวา จังหวัดพระนคร (ซึ่งปัจจุบันคือ แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร) เป็นบุตรของนายหลีกับนางเฮียะ มีชื่อเดิมภาษาจีนว่า หลีกวงหยง ต่อมา ได้เปลี่ยนเป็น ยง และได้รับพระราชทานนามสกุลจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า เสฐียรโกเศศ
เมื่ออายุราวห้าหกขวบได้เริ่มเรียนหนังสือกับบิดา โดยต้องตื่นตั้งแต่ตีห้ามาอ่านหนังสือ ครั้นอายุได้สักสิบขวบมารดาก็พาไปฝากเข้าโรงเรียบ้านพระยานานา อยู่แถวใต้ปากคลองวัดทองเพลง เป็นนิวาสถานเดิมของพระยานานาพิพิธ บุตรชายคนหนึ่งของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ โรงเรียนนี้สอนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เด็กชายยงเรียนได้เร็วมากกว่าคนอื่นเพราะได้เรียนหนังสือมาแล้วกับบิดา ต่อมาจึงเข้าเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ พ.ศ. 2443 สมัยนั้นเรียนเป็นภาษาอังกฤษ มีสอนภาษาไทยบ้างสัปดาห์ละสองชั่วโมงเท่านั้น ได้เล่าเรียนจบชั้นมัธยม 4 พอขึ้นชั้นมัธยม 5 ก็ต้องออกจากโรงเรียน เพราะครอบครัวมีฐานะไม่ดี รวมทั้งมีพี่น้องหลายคนและพระยาอนุมานราชธนเป็นบุตรคนโต กระนั้นท่านกลับศึกษานอกระบบโรงเรียนและศึกษาตลอดชีวิต ด้วยมีนิสัยรักความรู้ กระทั่งได้ชื่อว่าเป็นนักปราชญ์คนสำคัญของไทย
หลังออกจากโรงเรียนท่านได้เริ่มชีวิตการทำงานด้วยการไปฝึกหัดผสมยาที่โอสถศาลาของรัฐบาล และได้เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมในตอนกลางคืน แต่เมื่อมิได้รับเบี้ยเลี้ยง จึงลาออกไปทำงานโรงแรมโอเรียนเต็ล ได้เงินเดือนๆ ละ 60 บาท ทำได้ไม่ถึงปีจึงลาออกไปทำงานที่กรมศุลกากรในตำแหน่งเสมียน เงินเดือนๆ ละ 50 บาท ทั้งนี้เพื่อมีเวลาพักผ่อนมากกว่าและรับยกเว้นเกณฑ์เข้าเป็นทหารด้วย ที่กรมศุลกากร พระยาอนุมานราชธนได้พบนายนอร์แมน แมกสแวล ผู้เป็นทั้งหัวหน้าและเป็นผู้สอนภาษาอังกฤษให้พระยาอนุมานราชธนจนแตกฉาน รับราชการก้าวหน้ามาโดยตลอด และได้เลื่อนตำแหน่งจากขุน เป็นหลวง เป็นพระ จนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยาเมื่ออายุได้ 36 ปี ในปี พ.ศ. 2467
ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีเหตุต้องออกจากราชการในปี พ.ศ. 2476 ซึ่งขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่งผู้ช่วยอธิบดี แต่สองปีถัดมา หลวงวิจิตรวาทการซึ่งเป็นอธิบดีกรมศิลปากรในขณะนั้น ได้ชวนให้กลับมารับราชการที่กรมศิลปากร และด้วยความรู้ความสามารถของท่านจึงได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นตามลำดับ ตำแหน่งสุดท้ายได้เป็นอธิบดีกรมศิลปากร ซึ่งภายหลังการเกษียณอายุราชการและการต่ออายุราชการหลายครั้ง จึงออกจากราชการมารับบำนาญ
พระยาอนุมานราชธน สมรสกับคุณหญิงอนุมานราชธน (ละไม อนุมานราชธน) สกุลเดิม อุมารัติ บิดาและมารดาแยกทางกันจึงอาศัยอยู่กับป้า ชื่อ แม่หมออี้ ซึ่งเป็นชีอยู่นิกายคริสต์คาทอลิก นางสาวละไมจึงเข้ารีตตามป้าไปด้วย
รักของพระยาอนุมานราชธนกับคุณหญิงอนุมานราชธนเป็นรักแรกพบ มีความประทับใจเมื่อแรกเห็นจึงพยายามทำความรู้จัก และขอคุณหญิงอนุมานราชธนแต่งงานโดยเหตุที่ว่าเธอเป็นแม่บ้านแม่เรือนรู้จักจัดการต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และคงปรนนิบัติมารดาและพี่น้องของท่านให้ได้รับความสะดวกสบายได้
ท่านมิได้จัดงานเลี้ยง เนื่องจากทางครอบครัวโดยเฉพาะมารดาไม่พอใจกับสะใภ้ที่เข้ารีตผู้นี้ คุณหญิงอนุมานราชธนท่านก็มีขันติอดทนอดกลั้นเป็นอย่างดี พระยาอนุมานราชธนก็มีความซื่อสัตย์ต่อภริยาเป็นอย่างยิ่ง มิได้มีภริยาอื่นเพิ่มเติมอีก
หลังเกษียณอายุแล้ว ท่านก็ยังคงเขียนหนังสือและตำราออกมาอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะงานเขียนร่วมกับพระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป) ซึ่งมักทำงานด้วยกันโดยใช้นามปากกาว่า เสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป เรียบเรียงหนังสือ ตำรา และวรรณกรรมอันทรงคุณค่าออกมาเป็นจำนวนมาก
ผลงานสำคัญของพระยาอนุมานราชธนในช่วงเวลา 80 ปีเศษแห่งชีวิตของท่านมีมากนับเป็นหนังสือได้มากกว่า 200 รายการ ดังปรากฏในเว็บไซต์ของคลังปัญญาชนสยามซึ่งเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับงานวรรณกรรมของประเทศไทย เรียงตามลำดับปีที่ตีพิม์เท่าที่ทราบดังนี้
ปีที่ตีพิมพ์ที่ปรากฏเป็นปีตีพิมพ์ที่ทราบ มีหลายรายการที่มีการตีพิมพ์มาก่อนแล้ว เช่น หิโตปเทศ ที่ตีพิมพ์โดย "โรงพิมพ์ไท" มาตั้งแต่ครั้งแรกร่วมงานกับพระสารประเสริฐ หรือ "นาคะประทีป"
พระยาอนุมานราชธน ? พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ ? สุกิจ นิมมานเหมินท์ ? เสริม วินิจฉัยกุล ? พระยาศัลวิธานนิเทศ ? บุญพฤกษ์ จาฏามระ ? ประยูร กาญจนดุล ? ประเสริฐ ณ นคร ? อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ ? ชัยอนันต์ สมุทวณิช ? ปัญญา บริสุทธิ์ ? สันทัด โรจนสุนทร