พระยายุทธิษฐิระ หรือ พระยายุทธิษเฐียร ทรงเป็นเจ้านายเชื้อสายราชวงศ์พระร่วง เป็นพระร่วงเจ้าสุโขทัยในปี พ.ศ. 2011 จนกระทั่งอาณาจักรล้านนาเสียดินแดนอาณาจักรสุโขทัยแก่อาณาจักรอยุธยาใน พ.ศ. 2017 นอกจากนี้ พระเจ้าติโลกราชยังทรงแต่งตั้งให้พระยายุทธิษฐิระ เป็นเจ้าเมืองพะเยาและดูแลหัวเมืองล้านนาตะวันออกตอนล่าง จนถูกปลดในปี พ.ศ. 2022
พระยายุทธิษฐิระ สืบเชื้อสาย ครึ่งพระร่วง-ครึ่งสุพรรณภูมิ ด้วยเป็นโอรสในพระมหาธรรมราชาที่ 4 และมีพระมารดามาจากราชวงศ์สุพรรณภูมิ
ในวัยเยาว์เมื่อสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงดำรงพระยศเป็นพระราเมศวรและครองเมืองพิษณุโลกอยู่นั้น ทรงได้สัญญาว่าหากได้ครองราชย์ในกรุงศรีอยุธยา จะทรงสถาปนาพระยายุทธิษฐิระ ขึ้นเป็นพระมหาอุปราช แต่เมื่อทรงครองราชย์แล้ว ทรงจัดการปฏิรูปการปกครอง และตั้งให้พระยายุทธิษฐิระเป็นเพียงพระยาสองแคว ซึ่งบรรดาศักดิ์ลดลงกว่าตำแหน่งพระมหาธรรมราชา (พระร่วงเจ้าสุโขทัย) เป็นอย่างมาก พระยายุทธิษฐิระ ด้วยหวังจะเป็นพระร่วงเจ้าด้วยสิทธิ์อันชอบธรรมแห่งราชวงศ์ เพราะก่อนหน้านี้หลังพระมหาธรรมราชาที่ 4 ทิวงคต พระยายุทธิษฐิระ ซึ่งเป็นพระยาเชลียง ครองเมืองศรีสัชนาลัยอยู่ ก็คิดจะตั้งตนเป็นพระมหาธรรมราชา (พระร่วงเจ้าสุโขทัย) ต่อจากพระอัยกา แต่ข้าราชบริพารทางสองแคว ก็ยกพระราเมศวรขึ้นเป็นพระร่วงแทน พระยายุทธิษฐิระ ด้วยเกรงพระบารมี จึงทรงนิ่งเสีย แต่เมื่อทรงไม่ได้ตามประสงค์จึงทรงเรื่มเอาใจออกห่างกรุงศรีอยุธยา และไปเข้ากับ พญาติโลกราช กษัตริย์ล้านนาในขณะนั้น เหตุการณ์นี้ส่งผลให้เกิดการเฉลิมพระนามกษัตริย์ล้านนา จากพญา เป็น พระเจ้า เพื่อให้เสมอศักดิ์ด้วยกรุงศรีอยุธยา พระนาม พญาติโลกราช จึงได้รับการเฉลิมเป็นพระเจ้าติโลกราช (ชาวล้านนา เรียกพระมหากษัตริย์ ว่า พญา หรือ พระญา ซึ่งหมายถึง ผู้นำ ผู้ยิ่งใหญ่ หรือหัวหน้า ไม่ใช่ พระยา ซึ่งหมายถึง ยศ ขุนนาง ในอยุธยา)
เหตุการณ์นี้ พระเจ้าติโลกราช ทรงชุบเลี้ยง พระยายุทธิษฐิระ ในตำแหน่งพระโอรสบุญธรรม ทรงให้ครองสุโขทัย และศรีสัชนาลัย รวมถึงพะเยาซึ่งเป็นหัวเมืองฝ่ายอาคเนย์ ซึ่งรวมอาณาบริเวณเมืองพร้าว เมืองงาว และกาวน่าน ต่อมาเมื่อเสียสุโขทัยและศรีสัชนาลัยแก่สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระยายุทธิษฐิระจึงครองเพียงเมืองพะเยา และหัวเมืองอาคเนย์
จวบจนในพ.ศ. 2022 ทรงมีคดีกับพระเจ้าติโลกราช จึงทรงถูกถอดยศเจ้าเมืองออก แต่ยังได้ความปราณียังคงชุบเลี้ยงในฐานะพระโอรสบุญธรรมต่อไป ส่วนเมืองพะเยา พระเจ้าติโลกราชทรงเวนราชสมบัติให้นางเจ้าหมื่นเมืองพะเยาปกครองต่อ การที่พระเจ้าติโลกราชทรงมอบเมืองพะเยาและกาวน่าน ให้พระยายุทธิษฐิระ ปกครองนั้น อันเนื่องมาจาก กลุ่มหัวเมืองอาคเนย์นี้เป็นหัวเมืองที่ได้มาใหม่ เจ้าเมืองกาวน่านเดิมมีเชื้อสายพระร่วงเจ้าทางราชนิกูล ส่วนทางเมืองพะเยา ก็ให้ความเคารพพระร่วงเจ้าสุโขทัยมาแต่ครั้งพญางำเมืองนั่นเอง
ในเมืองสุโขทัย-ศรีสัชนาลัย ดูจะทรงไม่มีพระกรณียกิจที่เด่นชัด แต่เมื่อทรงครองพะเยา ก็ทรงทำนุบำรุงเมืองพะเยาเป็นอย่างมาก เริ่มตั้งแต่ทรงสร้างเวียงใหม่ ที่บ้านพองเต่า สร้างวัดป่าแดงหลวง (ปัจจุบัน ราชการได้ประกาศรวมกับวัดดอนไชยบุนนาค ที่อยู่ติดกันเป็นวัดเดียวกัน ชื่อว่า วัดป่าแดงหลวงดอนไชยบุนนาค) ทรงหล่อพระพุทธรูปหลวงพ่อนาค รวมถึงอัญเชิญพระพุทธรูปแก่นจันทน์ จากเมืองแจ้ตาก และ รอยพระพุทธบาท จากสุโขทัย มาประดิษฐานในเวียงใหม่ของพระองค์
จารึกพะเยาหลักที่ 45 (พ.ศ. 2021) ระบุว่า เจ้าพันหลวงได้นิมนต์พระเถระจากที่ต่างๆ เพื่อบำเพ็ญกุศล สมเด็จพระราชาอโสกราช ได้เสด็จมาสดับพระธรรมเทศนา จึงอนุโมทนาด้วยกับการบุญของเจ้าพันหลวง กรณีนี้ พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ ผู้เชี่ยวชาญ กรมศิลปากร ระบุว่า ผู้ใช้นามนี้ไม่น่าจะเป็นใครอื่น นอกจากพระยายุทธิษฐิระ โดยอาจกล่าวได้ว่าขณะนั้นพระยายุทธิษฐิระ มีอำนาจค่อนข้างมากทางฟากตะวันออกของแคว้นล้านนา ไปตลอดจนสุดเขตแดนที่ต่อเนื่องกับสุโขทัยของอยุธยา แต่การยกย่องตนเองนี้กลับไม่เป็นผลดีกับพระองค์ เพราะปีถัดมา พระเจ้าติโลกราช ทรงให้อัญเชิญ พระแก่นจันทน์ จากเมืองพะเยา อ้อมไปทางเมืองน่าน แพร่ เขลางค์(ลำปาง) ลำพูน จนถึงเชียงใหม่ นัยหนึ่งคือการแสดงพระราชอำนาจของพระเจ้าติโลกราช ให้ประจักต่อชาวล้านนาตะวันออก เพราะเส้นทางไปเชียงใหม่ อันที่จริงไม่จำเป็นต้องผ่านไปทางน่าน หรือลำปางก็ได้ ต่อจากนั้น ก็ทรงปลดพระยายุทธิษฐิระ เข้าไปช่วยราชการที่ในนครเชียงใหม่แทน ดังจารึกวัดป่าเหียง (จารึกพะเยาหลักที่ 5) (พ.ศ. 2026) เปลี่ยนพระนามการเรียกพระยายุทธิษฐิระ เป็นเพียง "ลูกพระเป็นเจ้า" แทนการเรียกยศหรือตำแหน่ง โดยที่ "พระเป็นเจ้า" ได้หมายถึงพระเจ้าติโลกราช
??? = ราชวงศ์ศรีนาวนำถุม??? = ราชวงศ์พระร่วง??? = ราชวงศ์สุพรรณภูมิ??? = ราชวงศ์สุโขทัย??? = ไม่มี/ไม่ทราบราชวงศ์