พรรคชาติไทย (อังกฤษ: Chart Thai Party) เป็นอดีตพรรคการเมืองในประเทศไทย เคยมีบทบาททางการเมืองระดับประเทศช่วงปี พ.ศ. 2517–2551
พรรคชาติไทยก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2517 โดยกลุ่มนักการเมืองซอยราชครู (พหลโยธินซอย 5) ที่เป็นเครือญาติกัน และเคยมีความใกล้ชิดกับพรรคเสรีมนังคศิลาในอดีต นำโดย พล.ต.ประมาณ อดิเรกสาร, พล.ต.ศิริ สิริโยธิน และพล.ต.ชาติชาย ชุณหะวัณ (ยศในขณะนั้น) ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงที่การเมืองไทยอยู่หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ตรงกับช่วงที่มีพรรคการเมืองต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย โดยที่พรรคชาติไทยมีหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี จำนวน 2 คน คือ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ และนายบรรหาร ศิลปอาชา
พรรคชาติไทยพยายามจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง คือ การเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2526 แต่ด้วยความผลิกพันทางการเมือง เนื่องจากพรรคได้รับเลือกมาเป็นลำดับที่สอง ทำให้พรรคกิจสังคมที่ได้รับเลือกมาเป็นลำดับแรก ชิงการจัดตั้งรัฐบาลก่อน โดยมีการสนับสนุนให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้พรรคชาติไทยต้องไปเป็นพรรคฝ่ายค้าน แต่ในการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2538 พรรคชาติไทยชนะการเลือกตั้ง ผลการเลือกตั้งคราวนี้ทำให้หัวหน้าพรรค คือ นายบรรหาร ศิลปอาชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ในการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2549 พรรคชาติไทยได้ปฏิเสธที่จะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง เพื่อเป็นการคว่ำบาตรพรรคไทยรักไทยของนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเป็นการแสดงจุดยืนร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคมหาชน
บทบาทของพรรคชาติไทย มักถูกวิจารณ์ว่าเป็นพรรคชอบเสียบ โดยมักจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่เสมอ ๆ เพื่อประโยชน์ของตน จึงได้รับฉายาว่า "พรรคปลาไหล" โดยมีที่มาจากสไตล์การเล่นการเมืองของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ หัวหน้าพรรคคนที่ 2 แต่ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 พรรคชาติไทยซึ่งได้เบอร์ 1 ที่นำโดย นายบรรหาร ศิลปอาชา ได้ประกาศก่อนหน้านั้นว่า จะไม่ขอร่วมรัฐบาลกับพรรคไทยรักไทยอีก และใช้คำขวัญในการหาเสียงครั้งนั้นว่า "สัจจะนิยม"
ในการเลือกตั้งเมื่อปลายปี พ.ศ. 2550 อันเป็นช่วงวิกฤติการณ์การเมืองในประเทศไทย พรรคชาติไทยโดยนายบรรหาร เป็นที่จับตามองว่าจะไปร่วมรัฐบาลกับทางฝ่ายพรรคพลังประชาชน หรือพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งทางนายบรรหารหัวหน้าพรรค แสดงท่าทีหลายครั้งรวมทั้งได้เคยให้สัมภาษณ์ไปว่า "จะไม่ทำให้ผู้ใหญ่ที่นับถือมากว่า 30 ปี ผิดหวัง" แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อตรง ๆ แต่ก็รับรู้กันว่า หมายถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรีและประธานองคมนตรี โดยให้เข้าใจว่าจะไม่ขอร่วมรัฐบาลกับทางพรรคพลังประชาชน แต่หลังการเลือกตั้ง พรรคชาติไทยก็ตอบรับเข้าร่วมรัฐบาลกับทางพรรคพลังประชาชน
พรรคชาติไทยสิ้นสุดบทบาทลง จากการถูกตัดสินให้ยุบพรรคในปลายปี พ.ศ. 2551 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่พรรคทำการทุจริตการเลือกตั้งในปลายปี พ.ศ. 2550
เมื่อเวลา 12.30 น. ของวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคพลังประชาชน, พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ภายหลังนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย และนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย แถลงด้วยวาจาเสร็จสิ้นแล้ว โดยไม่รอพรรคพลังประชาชนไม่ได้ส่งตัวเข้าแถลงปิดคดีแต่อย่างใด
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ 8 ต่อ 1 สั่งยุบพรรคชาติไทย โดยศาลฯได้วินิจฉัยว่าพรรคมีความผิดตามมาตรา 237 วรรค 2 และมาตรา 68 ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ถือว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ และกฎหมายได้เอาไว้เป็นเด็ดขาด แม้จะมีการโต้แย้งว่าหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคคนอื่นฟังไม่ขึ้น
ภายหลังการยุบพรรคชาติไทยแล้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค และสมาชิกพรรคบางส่วนได้ย้ายไปสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมืองร่วมกัน โดยมีชุมพล ศิลปอาชา เป็นหัวหน้าพรรค