ปรัสเซีย (เยอรมัน: Preu?en ( พรอยส์เซิน (วิธีใช้?ข้อมูล) ); Latin: Borussia, Prutenia; ลัตเวีย: Pr?sija; ลิทัวเนีย: Pr?sija; โปแลนด์: Prusy; Old Prussian: Pr?sa; เดนมาร์ก: Pr?jsen; รัสเซีย: ????????) เป็นชื่อแคว้นๆหนึ่งในประเทศเยอรมนีในระหว่างปี 1701- 1918 ปัจจุบันอาณาเขตของแคว้นนี้อยู่ในประเทศเยอรมนี โปแลนด์ และเมืองคาลิงกราด ของรัสเซีย
แคว้นนี้เดิมเป็นเพียงดินแดนของขุนนางตระกูล โฮเฮนซอลเลิร์น ขุนนางเล็กๆแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Roman Empire) ต่อมาปรัสเซียได้ยกฐานะตอนเองให้เป็นราชอาณาจักรโดย พระเจ้าเฟรเดอริก ที่ 1 โดยอาณาจักรนี้อยู่ภายใต้อำนาจของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ แต่เดิมนั้นปรัสเซียมีอาณาเขตไม่ใหญ่มากนัก จนกระทั่งถึงสมัยของ พระเจ้าเฟรเดอริกมหาราช หรือ พระเจ้าเฟรเดอริกที่ 2 ปรัสเซียได้ยึดครองจังหวัดไซลีเซีย มาจากออสเตรีย และได้ป้องกันไว้ เมื่อ สงครามเจ็ดปี ยุติลงในปี 1763 ปรัสเซียก็ได้มีอำนาจขึ้นทางเยอรมนีตะวันออก ต่อมาปรัสเซียก็ได้เข้าถือสิทธิในอาณาเขตของแคว้นเยอรมนีต่างๆ ด้วยการสมรส รวมทั้งการเข้าครอบครองโพเมอเรเนียในฝั่งทะเลบอลติก
ในสมัยของ พระเจ้าเฟรเดอริก วิลเลี่ยม ที่ 2 ได้นำปรัสเซียเข้าสู่สงครามในการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี 1792 จนถึงสมัยของสงครามนโปเลียน ปรัสเซียก็มีส่วนทำสงครามกับนโปเลียนด้วย หลังจากสงครามสิ้นสุด คองเกรสแห่งเวียนนา ได้คืนดินแดน ไรน์แลนด์ และ เวสต์ฟาเลีย กับดินแดนอีกบางส่วนในแถบตะวันตก
ในปี พ.ศ. 2405(ค.ศ. 1862) กษัตริย์วิลเฮล์มที่ 1 ได้เรียกตัว ออตโต ฟอน บิสมาร์ค เข้ามารับตำแหน่งเสนาบดี บิสมาร์คหวังอยู่เสมอในการรวบรวมเยอรมนีให้เป็นปึกแผ่น และต้องการให้เยอรมนีเข้มแข็งให้ได้ ดังนั้นการที่จะรวมเยอรมนีให้ได้จะต้องกำจัดอิทธิพลของมหาอำนาจภายนอกและจะต้องทำให้ปรัสเซียเป็นผู้นำในการรวมเยอรมนี ไม่ใช่ออสเตรีย ถึงแม้ว่าออสเตรียจะเป็นแคว้นเยอรมนีเหมือนกันแต่ออสเตรียได้ไปแย่งชิง ดินแดนต่างๆที่ไม่ใช่เยอรมัน เช่น ฮังการี โบฮีเมีย เป็นต้น ทำให้ในสายตาของรัฐเยอรมนี อื่นๆ ออสเตรียเป็นเหมือนกับเยอรมันไม่แท้ไป และจำเป็น ต้องผูกมิตรกับมหาอำนาจอื่นๆ เช่น อังกฤษ ออสเตรีย ฝรั่งเศส รัสเซีย เป็นต้น ในการรวมเยอรมนีนั้นทำให้เกิดสงครามใหญ่ๆถึง 3 ครั้ง คือ
ปรัสเซียก็ได้ชัยชนะอย่างรวดเร็วในการบุกเดนมาร์ก เมื่อเดนมาร์กสู้ไม่ได้จึงยอมยก ชเลสวิก ให้ปรัสเซีย โฮลสไตน์ ให้ออสเตรีย ในสนธิสัญญาแกลสไตน์ ในปี พ.ศ. 2407(ค.ศ. 1864)
กล่าวหาว่า ปรัสเซีย ยุยงพลเมืองของ โฮลสไตน์ ให้ต่อต้าน ออสเตรีย เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหากันเอง ดังนั้นสงครามจึงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ก่อน ที่ ปรัสเซีย จะประกาศสงครามกับ ออสเตรีย นั้นปรัสเซียได้ดำเนินนโยบายทางทูตต่อประเทศข้างเคียงเพื่อมิให้ประเทศเหล่านั้นฉวยโอกาส เช่น การตกลงกับ พระเจ้านโปเลียนที่ 3 แห่งฝรั่งเศส บิสมาร์คได้ขอร้องให้พระองค์ทรงวางตัวเป็นกลางไม่ต้องสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ฝ่ายพระเจ้านโปเลียนที่ 3 แห่งฝรั่งเศส นั้นหวังของตอบแทนในความเป็นกลางของพระองค์ทั้งจาก ปรัสเซีย และ ออสเตรีย ดังนั้นพระองค์จึงตอบตกลง นอกจาก นี้นั้น ปรัสเซีย ได้ทำสัญญากับอิตาลีอีกด้วย ข้างฝ่าย ออสเตรีย เมื่อรู้ตัวว่าจะต้องมีสงครามอย่างแน่นอน ออสเตรีย ได้ยุยงให้แคว้นต่างๆของ เยอรมนี ให้ไม่สนับสนุนปรัสเซียหากมีสงคราม และในไม่ช้าออสเตรียจึงเริ่มประกาศระดมพล ฝ่ายปรัสเซียนั้นรู้อยู่ก่อนแล้วว่าจะต้องมีสงครามแน่นอน พระเจ้า วิลเฮล์ม ที่ 1 ได้ประกาศระดมพลก่อน ออสเตรีย เป็นเวลาถึง 3 อาทิตย์ ดังนั้นปรัสเซียจึงได้เปรียบมากกว่าออสเตรีย และเมื่อทั้งสอง ประกาศสงครามต่อกัน ปรัสเซียก็เริ่มบุกและเป็นฝ่ายได้เปรียบตั้งแต่ยกแรก ฝ่ายออสเตรียเป็นฝ่ายรับได้ต่อสู้อย่างกล้าหาญแต่ไม่อาจจะสู้กองทัพ ของปรัสเซียได้จึงได้แต่ถอย และเมื่อกองทัพของปรัสเซียเคลื่อนทัพเข้ามาใกล้กรุงเวียนนา ออสเตรีย จึง ยอมทำสนธิสัญญาปราค ผลของสงคราม
ครั้งนี้ ออสเตรียไม่ได้เสียดินแดนต่างๆ หากแต่เสียสิทธิและถูกขับออกจากสมาพันธ์รัฐเยอรมนี ฝ่ายปรัสเซียก็ได้รวมรัฐเยอรมนีต่างๆเข้ามาเป็น สมาพันธ์รัฐเยอรมนีเหนือ ขึ้น ในปี พ.ศ. 2409(ค.ศ. 1866)
ฝรั่งเศสจึงตัดสินใจประกาศสงครามกับปรัสเซีย สงครามครั้งนี้ ปรัสเซีย มีชัยชนะอย่างเด็ดขาด ทำให้ ชาวฝรั่งเศส ได้ขับไล่พระเจ้านโปเลียนที่ 3 ออกจากราชสมบัติ และร่วมก่อตั้ง สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3 ขึ้น และทำให้ ปรัสเซียได้เป็นมหาอำนาจอันดับต้นๆในยุโรปและพระเจ้าวิลเฮล์ม ที่ 1 ได้ประกาศจัดตั้ง จักรวรรดิเยอรมนี ขึ้นและสถาปนา ตนเองขึ้นเป็น ไกเซอร์(จักรพรรดิ)แห่ง เยอรมนี และสถาปนา บิสมาร์ค ให้เป็น เจ้าชาย และ อัครมหาเสนาบดี ณ พระราชวังแวร์ซาย ในปี พ.ศ. 2414(ค.ศ. 1871) หลังจากนั้น แคว้นมัคเลนบวร์ก บาวาเรีย บาเดน เวอร์ทเท็มแบร์ก และ แซ็กโซนี ก็ขอเข้าร่วมกับ จักรวรรดิเยอรมนี