อาร์เจนตินา (อังกฤษและสเปน: Argentina) หรือชื่อทางการ สาธารณรัฐอาร์เจนตินา (อังกฤษ: Argentine Republic; สเปน: Rep?blica Argentina) เป็นหนึ่งในประเทศในทวีปอเมริกาใต้ (ลาตินอเมริกา) ตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขาแอนดีสทางทิศตะวันตก และมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ทางทิศตะวันออกและทิศใต้ มีพรมแดนจดประเทศปารากวัยและประเทศโบลิเวียทางภาคเหนือ จดประเทศอุรุกวัยและประเทศบราซิลทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจดประเทศชิลีทางภาคตะวันตกและภาคใต้ อาร์เจนตินามีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของทวีปอเมริกาใต้ รองจากบราซิล และมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 8 ของโลก
ประเทศอาร์เจนตินามีพื้นที่ประมาณ 2,736,691 ตารางกิโลเมตร มีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับทีสองในทวีปอเมริกาใต้ มีขนาดความยาวตั้งแต่เหนือจรดใต้ประมาณ 3,900 กิโลเมตร ความกว้างวัดจากส่วนที่กว้างที่สุดกว้างประมาณ 1,400 กิโลเมตร จุดที่สูงที่สุดของประเทศอยู่ที่ยอดเขาอากอนกากวา ภาคกลางของอาร์เจนตินา จะเป็นพื้นที่ลุ่ม ส่วนทางภาคตะวันตกของประเทศ จะเป็นแนวเทือกเขาแอนดีส ทอดไปตามแนวความสูงของประเทศทั้งประเทศ
ขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมทั้ง การเพิ่มความหลากหลายของสินค้าจากเดิมที่ส่วนใหญ่เป็นสินค้าด้านเกษตรกรรม ให้มีสินค้าอุตสาหกรรมมากขึ้น และกำลังพิจารณาจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้า (center of distribution) 25 เมืองทั่วโลก นอกจากนั้น รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนการส่งออกซึ่งนำไปสู่การกระชับความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอาเซียน
ประธานาธิบดี Kirchner ยังคงมีสถานะทางการเมืองที่มั่นคง พรรค Peronist มีเสียงข้างมากในรัฐสภา แต่ประสบปัญหาการแตกแยกภายในพรรค ทำให้นาย Kirshner ต้องบริหารประเทศอย่างยืดหยุ่น เพื่อให้มีการถ่วงดุลอำนาจกับกลุ่มการเมืองของอดีตประธานาธิบดี Carlos Menem และของอดีตประธานาธิบดี Eduardo Duhalde ควบคู่ไปกับการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น การดำเนินนโยบายเสรีทางเศรษฐกิจ การปรับปรุงระบบการให้บริการของภาครัฐ การปราบปรามการฉ้อราษฎร์บังหลวง และการโอนอ่อนผ่อนตามข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ประท้วงในบางกรณี ทั้งนี้ เพื่อรักษาระดับความนิยมของประชาชนต่อรัฐบาล
อาร์เจนตินาได้จัดการเลือกตั้งกลางวาระของฝ่ายนิติบัญญัติ เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2548 โดยมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนครึ่งหนึ่ง (127 จาก 257 ที่นั่ง) และวุฒิสมาชิกจำนวนหนึ่งในสาม (24 จาก 72 ที่นั่ง) มีผู้ใช้สิทธิลงคะแนนร้อยละ 70.99 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยพรรค Frente para la Victoria (Front for Victory) ของนาย Kirchner ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น และจากผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ทำให้ นาย Kirchner ได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคมากขึ้น โดยมีเสียงข้างมากในวุฒิสภา (42 จาก 72 ที่นั่ง) และเป็นพรรคใหญ่ที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร (109 จาก 257 ที่นั่ง) ทั้งนี้ นาย Rafael Bielsa รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของกรุงบัวโนสไอเรส โดยได้รับคะแนนเสียงเป็นลำดับ 3
การที่พรรค Front for Victory (ซึ่งเป็นกลุ่มหนึ่งของพรรค Peronist) ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง แสดงถึงการสนับสนุนของประชาชนส่วนใหญ่ต่อนาย Kirchner และนโยบายต่างๆ ที่ได้ดำเนินการมาในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา เช่น การสนับสนุนรัฐสภาให้กดดันผู้พิพากษาศาลสูงสุด 3-4 คนที่ประธานาธิบดี Menem แต่งตั้งเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองให้ลาออก การปรับเปลี่ยนผู้นำทางทหารที่มีส่วนร่วมในการละเมิดสิทธิมนุษยชนในช่วงที่รัฐบาลทหารปกครองประเทศ รวมทั้งนโยบายการเจรจาอย่างแข็งกร้าวกับ IMF และประเทศเจ้าหนี้
อาร์เจนตินาประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจรุนแรงที่สุดเมื่อปี 2543 - 2545 หลังจากเกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี สาเหตุสำคัญมาจากภาวะชะงักงันของเงินทุนต่างประเทศ การขาดดุลการคลัง และดุลการค้า และความพยายามของรัฐบาลที่จะรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐไว้ที่ระดับ 1 เปโซ ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนั้นเศรษฐกิจของอาร์เจนตินายังได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหา รวมทั้งการระงับการจ่ายหนี้สินต่างประเทศ และการลดค่าเงินเปโซ
เศรษฐกิจของอาร์เจนตินาเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ปลายปี 2545 จนถึงปัจจุบัน โดยมีการขยายตัวของการส่งออกและการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศเป็นปัจจัยสำคัญ ทั้งนี้ การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการส่งออกนับตั้งแต่ปี 2546 เป็นผลจากการลดค่าเงินเปโซ ซึ่งทำให้อาร์เจนตินาได้เปรียบดุลการค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่รัฐบาลอาร์เจนตินาสามารถผลักดันนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งนำไปสู่การลดลงของอัตราการว่างงาน และการเพิ่มขึ้นของความต้องการสินค้าภายในประเทศ ล่าสุดนิตยสารด้านการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นสาขาของธนาคารโลก ได้จัดลำดับให้อาร์เจนตินามีเศรษฐกิจดีที่สุดอันดับ 77 ของโลก
สำหรับประเด็นการชำระหนี้ IMF เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2548 ประธานาธิบดีเนสเตอร์ เคิร์ชเนอร์ ได้ตัดสินใจชำระหนี้ที่มีอยู่ต่อ IMF ทั้งหมด โดยใช้เงินคงคลัง (reserves) ซึ่งมีอยู่ประมาณ 27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐมาชำระหนี้ที่มีต่อ IMF ซึ่งประธานาธิบดีได้แถลงว่าการได้ดุลบัญชีเงินคงคลังและเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องส่งผลให้อาร์เจนตินาสามารถชำระหนี้ได้ก่อนกำหนด และการชำระหนี้ได้ทั้งหมดจะทำให้อาร์เจนตินามีอิสรภาพที่จะตัดสินใจดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องทำตามกฎเกณฑ์ที่ IMF กำหนดไว้ในการเจรจาชำระหนี้ครั้งที่ผ่านๆ มา ซึ่งการประกาศดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากธนาคารโลก
เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2549 สำนักงานตรวจสอบสุขอนามัยพืชและสัตว์ (SENASA) ของอาร์เจนตินาได้ประกาศการตรวจพบวัวจำนวน 70 ตัวติดเชื้อโรคปากเปื่อยเท้าเปื่อยในฟาร์มแห่งหนึ่งที่เมืองซานลุยส์เดลปัลมาร์ (San Luis del Palmar) ในรัฐกอร์เรียนเตสที่ตั้งทางตอนเหนือของอาร์เจนตินา โดยผู้เชี่ยวชาญของ SENASA คาดว่าจะมีวัว 3,000 ตัวในบริเวณดังกล่าวที่อาจได้รับเชื้อโรค ทั้งนี้ วัวทั้ง 70 ตัวที่ติดเชื้อจะถูกกำจัดและ SENASA กำลังเร่งดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว อย่างไรก็ดี การประกาศดังกล่าวได้สร้างความกังวลให้กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยทางการชิลีและบราซิลได้ประกาศยกเลิกการนำเข้าเนื้อวัวจากอาร์เจนตินาชั่วคราว และเร่งดำเนินมาตรการป้องการการแพร่ระบาดของโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบราซิลและอุรุกวัยซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกเนื้อวัวที่สำคัญ ทั้งนี้ ได้เคยเกิดการแพร่ระบาดของโรคปากเปื่อยเท้าเปื่อยในอาร์เจนตินาเมื่อปี 2544 ส่งผลให้อาร์เจนตินาซึ่งเป็นผู้ส่งออกเนื้อวัวรายสำคัญของโลกต้องสูญเสียการส่งออกจำนวนมาก แต่หลังจากที่ได้พยายามควบคุมโรคและฉีดวัคซีนป้องกันโรคในวัว อาร์เจนตินาสามารถควบคุมการระบาดของโรคได้ ทำให้มูลค่าการส่งออกเนื้อวัวของอาร์เจนตินาในปี 2548 เพิ่มขึ้นเป็น 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3 เท่าของมูลค่าการส่งออกในปี 2544
ผลผลิตทางการเกษตร : เมล็ดทานตะวัน มะนาว ถั่วเหลือง องุ่น ข้าวโพด ยาสูบ ถั่วลิสง ชา ข้าวสาลี ปศุสัตว์ อุตสาหกรรม : อาหารแปรรูป เครื่องยนต์ยานพาหนะ สิ่งทอ เคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์จากน้ำมัน การพิมพ์ โลหะผสม เหล็ก
สินค้านำเข้า : เครื่องจักรและอุปกรณ์ ยานพาหนะ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์โลหะ อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทวิทยุ โทรทัศน์ และเครื่องมือสื่อสาร อุปกรณ์ในสำนักงาน ผลิตภัณฑ์พลาสติก และเครื่องคอมพิวเตอร์
เนื่องจากภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบปามปัสที่เหมาะสมสำหรับทำเกาตรกรรมทำให้อาร์เจนติน่าเป็นประเทศผู้ผลิตสินค้าเกษตรรายใหญ่ของโลกพืชเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของอาร์เจนติน่า คือถั่วเหลือง ซึ่ง อาร์เจนติน่าเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก นอกจากนี้ยังมีเมล็ดทานตะวัน ข้าวโพด ข้าวสาลี ข้าวไรย์ มะนาว องุ่น ถั่วลิสง ชา และแฟลกซ์(Flax)โดยนำเมล็ดไปใช้ทำนํ้ามันลินสีด (Linseed oil) สำหรับ ละลายหมึกสี และพรมนํ้ามัน ทำปศุสัตว์ เนื่องจากมีภูมิประเทศและอากาศที่เหมาะสม สัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่หัวและแกะเลี้ยงมากในเกาะเตียร์ราเดลฟวยโกที่มีอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาวและฤดูร้อนมีอากาศเย็นสบาย
ระบบการศึกษาของอาร์เจนติน่าเป็นระบบที่ดีที่สุดระบบหนึ่งในละตินอเมริกา หลังจากได้รับอิสรภาพ ประเทศอาร์เจนติน่าได้มีการสร้างระบบการศึกษาแห่งชาติขึ้นมาให้ทัดเทียมกับชาติอื่น ในปัจจุบันมีอัตราการรู้หนังสือ 97% และผู้ใหญ่อายุเกิน 20 ปี สามในแปดคน จบการศึกษาระดับมัธยมปลายหรือสูงกว่า
การศึกษาภาคบังคับมีผลใช้ตั้งแต่อายุ 5 ถึง 17 ปี โดยประกอบด้วยการเรียนระดับประถมศึกษาเป็นเวลาหกหรือเจ็ดปี และระดับมัธยมศึกษาเป็นเวลาห้าถึงหกปี ประธานาธิบดี โดมิงโก เฟาส์ติโน่ เป็นผู้ที่มีบทบาทอย่างมากในการผลักดันและบังคับใช้ระบบการศึกษาสมัยใหม่แบบไม่คิดค่าเล่าเรียนในอาร์เจนติน่า และการปฏิรูปมหาวิทยาลัยในปี ค.ศ. 1918 ได้เป็นตัวสร้างรูปแบบมหาวิทยาลัยในระบบสามส่วน (tripartite) ในปัจจุบันในมหาวิทยาลัยของรัฐส่วนใหญ่
ภาษีของประชาชนนั้นครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการศึกษาทั้งหมด ยกเว้นแต่การศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา และมีระบบการศึกษาของเอกชนในทุกระดับด้วยเช่นกัน โดยในปี ค.ศ. 2006 มีนักเรียนนักศึกษาอยู่ในการศึกษาในระบบประมาณ 11.4 ล้านคน โดยในนี้ เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย 85 แห่งทั่วประเทศจำนวน 1.5 ล้านคน
นับตั้งแต่ช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา ระบบการศึกษาของภาครัฐในอาร์เจนติน่านั้นไม่คิดค่าเล่าเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงระดับมหาวิทยาลัย ส่งผลให้ความต้องการเข้าเรียนนั้นสูงเกินกว่างบประมาณของรัฐ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่สมัยทศวรรษ 1970s เป็นต้นมา) และส่งผลให้สถาบันการศึกษาของเอกชนขยายตัวขึ้น
ทั่วประเทศ มีมหาวิทยาลัยรัฐบาล 38 แห่ง โดยมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส มหาวิทยาลัยแห่งชาติคอร์โดบา มหาวิทยาลัยแห่งชาติเดลาพลาต้า มหาวิทยาลัยแห่งชาติโรซาริโอ้ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งชาติ เป็นมหาวิทยาลัยที่สำคัญที่สุด มหาวิทยาลัยของรัฐบาลนั้นไม่คิดค่าเล่าเรียนแก่นักศึกษาทุกคน รวมถึงนักศึกษาต่างชาติด้วย อย่างไรก็ดี มหาวิทยาลัยของรัฐบาลนั้นประสบปัญหาการตัดงบประมาณในช่วงทศวรรษที่ 1980 และ 1990 ซึ่งส่งผลให้คุณภาพโดยรวมนั้นลดลง
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมานี้ รัฐบาลอาร์เจนติน่าได้ให้ความสนใจด้านการศึกษามากขึ้น โดยมีการพลิกผันงบประมาณการศึกษาครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ในปี 2009 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของมหาวิทยาลัยและโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ
การประมาณจำนวนประชากรอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 2009 ได้ผลว่าอาร์เจนติน่ามีประชากร 40,134,425 คน จัดเป็นอันดับที่ 3 ในอเมริกาใต้ และอันดับที่ 33 ของโลก โดยมีความหนาแน่นของประชากร 15 คนต่อตารางกิโลเมตร ซึ่งน้อยกว่าความหนาแน่นเฉลี่ยของโลกที่ 50 คนต่อตารางกิโลมาตรเป็นอย่างมาก อัตราการเติบโตของประชากรในปี 2008 อยู่ที่ประมาณ 0.92% ต่อปี โดยมีอัตราการเกิดมีชีพเฉลี่ย 16.32 คนต่อประชากร 1,000 คน และอัตราการตายอยู่ที่ 7.54 คนต่อประชากร 1,000 คน อัตราการอพยพสุทธิอยู่ที่ 0 คนต่อผู้อยู่อาศัย 1,000 คน
อาร์เจนติน่ามีอัตราการเพิ่มของประชากรต่ำที่สุดประเทศหนึ่งในละตินอเมริกา และมีอัตราการตายของทารกค่อนข้างต่ำ ค่ามัธยฐานของอายุประชากรอยู่ที่ 30 ปี และอายุขัยอยู่ที่ 76 ปี
วัฒนธรรมของอาร์เจนติน่าได้รับอิทธิพลเป็นอย่างมากจากวัฒนธรรมยุโรป กรุงบัวโนสไอเรสเป็นทั้งเมืองหลวงแห่งชาติและเมืองหลวงทางวัฒนธรรม และมีลักษณะเด่นอยู่ตรงที่มีผู้สืบเชื้อสายจากชาวยุโรปอยู่เป็นจำนวนมาก และมีการเลียนแบบสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป ส่วนอิทธิพลทางวัฒนธรรมอีกแง่หนึ่งมาจากกลุ่มเกาโช่ (gauchos หรือโคบาล)และวิถีชีวิตของโคบาลในชนบทและวิถีชีวิตแบบพึ่งพาตนเอง นอกจากนี้ ยังมีวัฒนธรรมจากชาวอเมริกันพื้นเมือง (อาทิเช่น การดื่มชาเยอร์บามาเต้) ได้รับการซึมซับเข้ามาอยู่ในวัฒนธรรมทั่วไปของอาร์เจนติน่า