ประเทศซีเรีย (อังกฤษ: Syria; อาหรับ: ??????) หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย (อังกฤษ: Syrian Arab Republic; อาหรับ: ????????? ??????? ????????) เป็นประเทศในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ มีพรมแดนทิศตะวันตกจดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทิศเหนือจดประเทศตุรกี ทิศตะวันออกจดประเทศอิรัก ทิศใต้จดประเทศจอร์แดน และติดตะวันตกเฉียงใต้จดประเทศอิสราเอล กรุงดามัสกัส เมืองหลวง เป็นนครที่มีผู้อยู่อาศัยต่อเนื่องที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ประเทศซีเรียเป็นที่ราบอุดมสมบูรณ์ ภูเขาสูงและทะเลทราย มีประชากรกลุ่มชาติพันธุ์และศาสนาหลากหลาย ส่วนมากเป็นชาวอาหรับ ซึ่งรวมอลาวียะห์ ดรูซ มุสลิมซุนนีย์และคริสต์ศาสนิกชน กลุ่มชาติพันธุ์อื่น ได้แก่ ชาวอาร์มีเนีย อัสซีเรีย เคิร์ดและเติร์ก ชาวอาหรับซุนนีย์เป็นกลุ่มประชากรใหญ่ที่สุดในประเทศซีเรีย
ในภาษาอังกฤษ เดิมชื่อ "ซีเรีย" สมนัยกับเลแวนต์ (ภาษาอาหรับว่า al-Sham) ขณะที่รัฐสมัยใหม่ครอบคลุมที่ตั้งของราชอาณาจักรและจักรวรรดิโบราณหลายแห่ง รวมถึงอารยธรรมเอบลา (Ebla) ในสหัสวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล ในสมัยอิสลาม ดามัสกัสเป็นเมืองหลวงของรัฐเคาะลีฟะฮ์อุมัยยะฮ์ และเมืองเอกในรัฐสุลต่านมัมลุกในอียิปต์
รัฐซีเรียสมัยใหม่สถาปนาขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งโดยเป็นอาณาเขตในอาณัติของฝรั่งเศส และเป็นรัฐอาหรับใหญ่ที่สุดที่กำเนิดขึ้นจากเลแวนต์อาหรับที่เดิมออตโตมันปกครอง ประเทศซีเรียได้รับเอรกาชในเดือนเมษายน 2489 เป็นสาธารณรัฐระบบรัฐสภา สมัยหลังได้รับเอกราชมีความวุ่นวาย และกลุ่มรัฐประหารและความพยายามรัฐประหารสะเทือนประเทศในสมัยปี 2492–2514 ระหว่างปี 2501 ถึง 2504 ประเทศซีเรียเข้าร่วมสหภาพช่วงสั้น ๆ กับอียิปต์ ซึ่งสิ้นสุดลงด้วยรัฐประหาร ประเทศซีเรียอยู่ภายใต้กฎหมายฉุกเฉินระหว่างปี 2506 ถึง 2554 ระงับการคุ้มครองพลเมืองส่วนใหญ่ของรัฐธรรมนูญอย่างชะงัด และระบบรัฐบาลถูกพิจารณาว่าไม่เป็นประชาธิปไตย บัชชาร อัลอะซัดเป็นประธานาธิบดีตั้งแต่ปี 2543 สืบทอดจากฮาเฟซ อัลอะซัด บิดา ซึ่งดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2513 ถึง 2543
ประเทศซีเรียเป็นสมาชิกสหประชาชาติและขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ปัจจุบันถูกระงับสมาชิกภาพจากสันนิบาตอาหรับและองค์การความร่วมมืออิสลาม และระงับตนเองจากสหภาพเพื่อเมดิเตอร์เรเนียน นับแต่เดือนมีนาคม 2554 ประเทศซีเรียเกิดสงครามกลางเมืองในห้วงการก่อการกำเริบ (ถูกพิจารณาว่าเป็นผลขยายของอาหรับสปริง) ต่ออะซัดและรัฐบาลพรรคบะอัธ กลุ่มต่อต้านตั้งรัฐบาลทางเลือกขึ้น คือ แนวร่วมแห่งชาติซีเรีย (Syrian National Coalition) ในเดือนมีนาคม 2555 ต่อมา ผู้แทนรัฐบาลนี้ได้รับเชิญให้แทนที่ประเทศซีเรียในสันนิบาตอาหรับ
1 ตารางกิโลเมตร พื้นดิน 18 ตารางกิโลเมตร พื้นน้ำ30 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ทิศเหนือติดตุรกี ทิศใต้ติดจอร์แดน ทิศตะวันออกติดอิรัก ทิศตะวันตกติดเลบานอน อิสราเอลและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนอากาศชื้น ตอนกลางและทางตะวันออกมีอุณหภูมิสูงในหน้าร้อนถึง 43 องศาเซลเซียส ในหน้าหนาวมีอากาศที่พอเหมาะ มีความหนาวเย็นในบางครั้ง ทางเหนือมีฝนตกจำนวนมาก
รูปแบบการปกครอง แบบสาธารณรัฐภายใต้การปกครองโดยทหาร (นับแต่ปี ค.ศ.1963) มีประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ เลือกตั้งคราวละ 7 ปี มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ประธานาธิบดีแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ประมุขของรัฐคนปัจจุบันคือ นายบัชชาร อัลอะซัด (ตั้งแต่ 17 กรกฎาคม 2543)
ต่อมาในปี 2513 พันเอก ฮาเฟซ อัล-อัสซาด ได้ก่อรัฐประหารยึดอำนาจปกครองประเทศ และในปี พ.ศ. 2514 ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของซีเรียจนถึงอสัญกรรมเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2543 เดือนต่อมา บุตรชายของอดีตประธานาธิบดี ดร. บัชชาร อัลอะซัด ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของซีเรีย
ซีเรียเป็นประเทศค่อนข้างปิด โดยเฉพาะในสมัยของประธานาธิบดี ฮาเฟซ อัล-อัสซาด เป็นประเทศนิยมอาหรับและมีนโยบายต่อต้านตะวันตก และอิสราเอล นอกจากนั้น ซีเรียมีอิทธิพลต่อเลบานอนในด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ ทำให้การเจรจาใด ๆ ระหว่างอิสราเอลกับเลบานอนจะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการเจรจาระหว่างซีเรียกับอิสราเอลด้วย อย่างไรก็ดี การที่ ดร. บาชาร์ อัล-อัสซาด ได้รับการศึกษาจากประเทศตะวันตกทำให้เห็นความสำคัญของการปฏิรูปประเทศทั้งในด้านการเมืองและเศรษฐกิจซึ่งอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ และเห็นความจำเป็นต้องเปิดประเทศเพื่อรับการลงทุน และความช่วยเหลือ โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ แต่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาสันติภาพกับอิสราเอล ดร. บาชาร์ อัล-อัสซาด คงยึดมั่นนโยบายของบิดา สำหรับความสัมพันธ์กับเลบานอน การถอนกองกำลังอิสราเอลออกจากเลบานอนตอนใต้ เมื่อต้นปี พ.ศ. 2543 ได้สร้างแรงกดดันให้ซีเรียทบทวนและพิจารณาความจำเป็นและเหตุผลของการคงกองกำลังของตนประมาณ 30,000 นาย อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ. 2548 ซีเรียได้ถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากเลบานอนหลังจากเหตุการณ์ลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอนนาย ราฟิก ฮาริรี่
วิกฤตการเมืองในประเทศซีเรียเริ่มต้นเมื่อ เดือน มีนาคม พ.ศ. 2554 อันเป็นผลจากการปฏิวัติในประเทศอาหรับหรืออาหรับสปริง เหตุการณ์นี้ดำเนินมากว่าหนึ่งปีส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 9,113 รายแล้ว โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นพลเรือน เสียชีวิตทั้งจากการเข้าร่วมประท้วง หรือโดนอาวุธลูกหลง 6,546 ราย กองกำลังความมั่นคงรัฐบาลซีเรีย 1,991 ราย และนักรบฝ่ายกบฏ 471 รายและอีกกว่า 1 หมื่นคนถูกจับ ในวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2555 เจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศซาอุดิอาระเบีย สั่งปิดสถานทูตซาอุดิอาระเบีย ประจำกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย พร้อมกับเร่งอพยพนักการทูตและเจ้าหน้าที่ ออกจากประเทศอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้นายอับดุลลาตีฟ อัล-ซายานี ประธานกลุ่มจีซีซี ออกแถลงการว่า สมาชิกคณะมนตรีความร่วมมือแห่งอ่าวอาหรับ (จีซีซี) ทั้ง 6 ประเทศนำโดยประเทศซาอุดีอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ , ประเทศบาห์เรน, ประเทศโอมาน, ประเทศกาตาร์ และ ประเทศคูเวต เตรียมปิดสถานทูตในซีเรีย เพื่อประท้วงรัฐบาลซีเรียที่สังหารประชาชนของประเทศดังกล่าว
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า (21 สิงหาคม พ.ศ. 2556) ที่ประเทศซีเรียเกิดเหตุโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่อีกครั้ง จากเหตุสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อยาวนานมากว่า 29 เดือน ซึ่งเป็นความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลและกลุ่มผู้ต่อต้านประธานาธิบดีบาชาร์อัล อัสซาด ผู้นำซีเรีย เมื่อเครื่องบินของกองทัพซีเรียทิ้งระเบิดในเมืองกัวตาห์ ชานกรุงดามัสกัส โดยกลุ่มสัมพันธมิตรซีเรียแจ้งว่า ระเบิดดังกล่าวเป็นอาวุธเคมี ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 650 ราย พร้อมเผยภาพศพที่นอนเกลื่อนกลาดโดยเป็นเด็กจำนวนมาก ขณะที่นายจอร์จ ซาบรา กลุ่มแกนนำผู้นำฝ่ายค้านแถลงว่า ยอดผู้เสียชีวิตสูงถึง 1,300 ราย
ด้านสำนักข่าวของทางการซีเรียปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง พร้อมระบุว่าการอ้างอาวุธเคมีดังกล่าว เพื่อกีดกันคณะเจ้าหน้าที่สหประชาชาติเข้าไปตรวจสอบ
เขาจะสั่งปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ชื่อดังทั้ง “กูเกิ้ล” “ยูทูบ” “เฟซบุ๊ค” และ “วิกิพีเดีย” เมื่อองค์กรสิทธิมนุษยชนหลายแห่ง และ สื่อต่างชาติอีกหลายสำนัก เริ่มเสนอรายงานตีแผ่การที่อัสซาดตั้งหน่วยตำรวจลับเพื่อจับกุมผู้ที่แสดงตนว่าต่อต้านรัฐบาลมาจำคุก ทรมานร่างกาย หรือสังหารอย่างเหี้ยมโหด หลายฝ่ายเริ่มจับจ้องมายังซีเรีย ซึ่งแน่นอนว่า อัสซาดออกมาปฏิเสธเรื่องราวทั้งหมด
ซีเรียแบ่งเป็น 14 เขตผู้ว่าราชการ (governorates - muhafazah) ซึ่งการแต่งตั้งผู้ว่าจะเสนอโดยรัฐมนตรีมหาดไทย รับรองโดยคณะรัฐมนตรี และประกาศโดยพระราชกฤษฎีกา เป็นผู้นำของแต่ละเขต ผู้ว่าจะมีสภาเขตที่ได้รับเลือกมาช่วยเหลือ
ซีเรียมุ่งเน้นการกระชับความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศอาหรับเป็นสำคัญ นอกจากนั้น การที่ซีเรียเคยอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส ทำให้ซีเรียมีความสัมพันธ์กับฝรั่งเศสในระดับหนึ่ง แต่ไม่แน่นแฟ้นเหมือนกับความสัมพันธ์ที่เลบานอนมีต่อฝรั่งเศส
การเกษตร ได้แก่ กาแฟ ผลไม้ ถั่ว อินทผลัม เป็นสินค้าหลักที่ทำรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนมาก แม้ซีเรียปฏิรูประบบเศรษฐกิจให้มีความทันสมัยมากขึ้น เช่น การเปิดเสรีธนาคารพาณิชย์
มีนักท่องเที่ยวจากซีเรียเดินทางมาไทยค่อนข้างน้อย ในปี 2549 มีนักท่องเที่ยวจากซีเรียเข้ามาในไทยประมาณ 2,803 คน
มีนักเรียนไทยในซีเรียประมาณ 80 คน ส่วนใหญ่มาจากภาคใต้ ได้รับการศึกษาด้านศาสนาและกฎหมายอิสลามโดยได้รับทุนโดยตรงจากซีเรีย