ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

ประวัติศาสตร์อินเดีย

ประวัติศาสตร์อินเดีย อารยธรรมอินเดีย อารยธรรมอินเดียมีความเจริญรุ่งเรืองและมีอายุเก่าแก่ไม่แพ้อารยธรรมแหล่งอื่น ๆ ที่กล่าวมาแล้ว สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

1. สมัยอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ (ประมาณ 2,500-1,500 ปี ก่อนคริสต์ศักราช) ถือว่าเป็นสมัยอารยธรรม “กึ่งก่อนประวัติศาสตร์” เพราะมีการค้นพบหลักฐานจารึกเป็นตัวอักษรโบราณแล้วแต่ยังไม่มีผู้ใดอ่านออก และไม่แน่ใจว่าเป็นตัวอักษรหรือภาษาเขียนจริงหรือไม่ ศูนย์กลางความเจริญอยู่ที่เมืองโมเฮนโจ – ดาโร และเมืองฮารัปปา ริมฝั่งแม่น้ำสินธุประเทศปากีสถานในปัจจุบัน สันนิษฐานว่าเป็นอารยธรรมของชนพื้นเมืองเดิม ที่เรียกว่า “ทราวิฑ” หรือพวกดราวิเดียน (Dravidian)

2. สมัยพระเวท (ประมาณ 1,500-600 ปีก่อนคริสต์ศักราช) เป็นอารยธรรมของชนเผ่าอินโด-อารยัน (Indo-Aryan) ซึ่ง อพยพมาจากเอเชียกลาง เข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำสินธุและคงคาโดยขับไล่ชนพื้น เมืองทราวิฑให้ถอยร่นลงไปทางตอนใต้ของอินเดีย สมัยพระเวทแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของศาสนาพราหมณ์ หลักฐานที่ทำให้ทราบเรื่องราวของยุคสมัยนี้ คือ “คัมภีร์พระเวท” ซึ่งเป็นบทสวดของพวกพราหมณ์ นอกจากนี้ยังมีบทประพันธ์มหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่อีก 2 เรื่อง คือ มหากาพย์รามายณะและมหาภารตะ บางทีจึงเรียกว่าเป็นยุคมหากาพย์

3. สมัยพุทธกาล หรือสมัยก่อนราชวงศ์เมารยะ (Maurya) ประมาณ 600-300 ปีก่อนคริสต์ศักราช) เป็นช่วงที่อินเดียถือกำเนิดศาสนาที่สำคัญ 2 ศาสนา คือ ศาสนาพุทธและศาสนาเชน

4. สมัยจักรวรรดิเมารยะ (Maurya) ประมาณ 321-184 ปี ก่อนคริสต์ศักราช พระเจ้าจันทรคุปต์ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์เมารยะได้รวบรวมแว่นแคว้นในดินแดนชมพู ทวีปให้เป็นปึกแผ่นภายใต้จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรกของอินเดีย

สมัยราชวงศ์เมารยะ พระพุทธศาสนาได้รับการอุปถัมภ์ให้เจริญรุ่งเรือง โดยเฉพาะในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช (Asoka) ได้ เผยแพร่พระพุทธศาสนาไปยังดินแดนทั้งใกล้และไกล รวมทั้งดินแดนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเผยแพร่เข้าสู่แผ่นดินไทยในยุคสมัยที่ยังเป็นอาณาจักรทวารวดี

5. สมัยราชวงศ์กุษาณะ (ประมาณ 200 ปีก่อนคริสต์ศักราช – ค.ศ.320 ) พวกกุษาณะ (Kushana)เป็น ชนต่างชาติที่เข้ามารุกรานและตั้งอาณาจักรปกครองอินเดียทางตอนเหนือ กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ คือ พระเจ้ากนิษกะ รัชสมัยของพระองค์อินเดียมีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านศิลปวิทยาการแขนงต่างๆ โดยเฉพาะด้านการแพทย์ นอก จากนั้น ยังทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา (นิกายมหายาน) ให้เจริญรุ่งเรือง โดยจัดส่งสมณทูตไปเผยแพร่พระศาสนายังจีนและทิเบต มีการสร้างพระพุทธรูปที่มีศิลปะงดงาม และสร้างเจดีย์ใหญ่ที่เมืองเปชะวาร์

6. สมัยจักรวรรดิคุปตะ (Gupta) ประมาณ ค.ศ.320-550 พระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 1 ต้นราชวงศ์คุปตะได้ทรงรวบรวมอินเดียให้เป็นจักรวรรดิอีกครั้งหนึ่ง ได้ชื่อว่าเป็นยุคทองของอินเดีย มีความเจริญรุ่งเรืองในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม การเมือง การปกครอง ปรัชญาและศาสนา ตลอดจนการค้าขายกับต่างประเทศ

7. สมัยหลังราชวงศ์คุปตะ หรือยุคกลางของอินเดีย (ค.ศ.550 – 1206) เป็นยุคที่จักรวรรดิแตกแยกเป็นแคว้นหรืออาณาจักรจำนวนมาก ต่างมีราชวงศ์แยกปกครองกันเอง

8. สมัยสุลต่านแห่งเดลฮี หรืออาณาจักรเดลฮี (ค.ศ. 1206-1526) เป็นยุคที่พวกมุสลิมเข้ามาปกครองอินเดีย มีสุลต่านเป็นผู้ปกครองที่เมืองเดลฮี

9. สมัยจักรวรรดิโมกุล (Mughul) ประมาณ ค.ศ. 1526 – 1858 พระเจ้าบาบูร์ ผู้ก่อตั้งราชวงศ์โมกุลได้รวบรวมอินเดียให้เป็นปึกแผ่นอีกครั้งหนึ่ง ได้ชื่อว่าเป็นจักรวรรดิอิสลามและเป็นราชวงศ์สุดท้ายของอินเดีย โดยอินเดียตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษในปี ค.ศ. 1858กษัตริย์ราชวงศ์โมกุลที่ยิ่งใหญ่ คือ พระเจ้าอักบาร์มหาราช (Akbar) ทรงทะนุบำรุงอินเดียให้มีความเจริญรุ่งเรืองในทุก ๆ ด้าน และในสมัยของชาห์ เจฮัน (Shah Jahan) ทรงสร้าง “ทัชมาฮัล” (Taj Mahal) ซึ่งเป็นอนุสรณ์แห่งความรัก เป็นงานสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานศิลปะอินเดียและเปอร์เซียที่มีความงดงามยิ่ง

อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุเป็นอารยธรรมโลหะอารยธรรมแรกของอินเดีย เป็นอารยธรรมสำริด รุ่งเรืองเมื่อประมาณ 2600 ปีถึง 1900 ปีก่อนค.ศ. มีการขุดค้นพบแหล่งอารยธรรมสินธุขนาดใหญ่ที่สำคัญที่เมืองฮารัปปา และโมเฮน-โจดาโร อารยธรรมสินธุมีการสร้างบ้านด้วยอิฐ มีระบบผังเมืองและชลประทานที่ก้าวหน้า

สาเหตุที่อารยธรรมสินธุจบสิ้นลงมีหลายข้อสันนิษฐาน ข้อสันนิษฐานแรกคือถูกชาวอารยันรุกราน โดยชาวอารยันนั้นด้อยวัฒนธรรมกว่าจึงทำให้อารยธรรมสินธุเสื่อมลง

ประมาณ 2000 ถึง 1500 ปีก่อนค.ศ. ชาวอินโด-อารยันจากเอเชียกลางอพยพเข้ามาในอินเดีย และพบกับอารยธรรมสินธุ ทั้งสองอารยธรรมผสมผสานรวมกันเป็นอารยธรรมพระเวท เป็นอารยธรรมเหล็ก หลักฐานที่สำคัญที่สุดของอารยธรรมนี้คือพระเวท เป็นวรรณกรรมทางศาสนาในภาษาสันสฤต อันเป็นที่มาของชื่อสมัยนี้

ช่วงแรกของสมัยพระเวท เรียกว่า สมัยฤคเวท เป็นสมัยที่ชาวอารยันเข้ามาในอินเดียใหม่ๆ เป็นชนเผ่าเร่ร่อนเลี้ยงสัตว์ คัมภีร์ฤคเวทเป็นพระเวทที่เก่าแก่ที่สุด ต่อมีจึงปรากฏมียชุรเวท สามเวท และอาถรรพเวท มีการเปลี่ยนแปลงทางภาษาหลายครั้ง ตามมาด้วยคัมภีร์เสริมอื่นๆ ได้แก่ สามหิตา อรัญญิก อุปนิษัท และพราหมณ์

มหากาพย์ทั้งหลาย ได้แก่ รามายณะและมหาภารตะ ถือกำเนิดในช่วงประมาณพุทธกาล ตอนปลายสมัยพระเวท ชาวอารยันในอินเดียอยู่กันเป็นเผ่า เลี่ยงสัตว์เร่ร่อนแต่ต่อมาเริ่มรู้จักเพาะปลูกตั้งรกราก มี การค้าขายทำให้บางเผ่ารวบรวมตั้งตนเป็นอาณาจักรใหญ่ได้ และเริ่มมีระบบวรรณะ ชัดเจน

ปลายสมัยพระเวทประมาณ 600 ปีก่อนค.ศ. ชาวอารยันในอินเดียสามารถรวมตัวเป็นอาณาจักรเล็กๆประมาณ 16 อาณาจักรได้ แต่ละอาณาจักรเรียกว่า มหาชนบท ตามลุ่มแม่น้ำคงคา-สินธุ ชุมชนเมืองเติบโตอีกครั้งหลังจากการล่มสลายของอารยธรรมสินธุ ทั้ง 16 มหาชนบทมีการปกครองที่แตกต่างกัน บางอาณาจักรปกครองโดยกษัตริย์ บางอาณาจักรปกครองโดยสภาเมือง เป็นสาธารณรัฐ

ภาษาที่ใช้ของชาวอารยันในหมู่ชนชั้นสูงคือภาษาสันสกฤต ขณะที่ชาวบ้านทั่วไปใช้ภาษาบาลี กำเนิดศาสนาสองศาสนา คือ พระพุทธศาสนา โดยเจ้าชายสิทธัตถะ โคตมะ และศาสนาเชน โดยมหาวีระ ทั้งสองศาสนาเน้นเรื่องการละความสุขทางโลก และสอนเป็นภาษาบาลี จึงเข้าถึงผู้คนได้มาก

พ.ศ. 23 พระเจ้าดาริอุสแห่งเปอร์เซียแผ่อิทธิพลเข้ามาในปัญจาบและคันธาระ และใน พ.ศ. 209 พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชเข้าบุกอินเดียและเอาชนะพระเจ้าปุรุแห่งแคว้นเปารพที่แม่น้ำไฮดาสพ์ (Hydaspes) พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ตั้งข้าหลวง (Satrap) ปกครองแคว้นต่างๆ รวมถึงอินเดีย แคว้นคันธาระจึงกลายเป็นเบ้าหลอมทางวัฒนธรรมระหว่างกรีกและอินเดีย ทำให้เกิดอารยธรรมอินเดีย-กรีก และศิลปะพระพุทธศาสนาแบบกรีก เกิดพระพุทธรูปเป็นครั้งแรกและส่งอิทธิพลอย่างมากต่อพัฒนาการทางศิลปะของพระพุทธศาสนา

ประมาณพ.ศ. 200 แคว้นมคธภายใต้ราชวงศ์นันทาแผ่อิทธิพลไปทั่วอินเดียเหนือกลืนกินมหาชนบททั้งหลายจนหมดแล้ว แต่ในพ.ศ. 223 โกติลยะ จนักขยะ ปราชญ์คนหนึ่งได้ขอเข้ารับราชการกับทางแคว้นมคธ แต่พระเจ้าธนาแห่งนันทาทรงปฏิเสธ ทำให้โกติลยะแค้นจึงยุยงเจ้าชายจันทรคุปต์ โมริยะ เข้ายึดบัลลังก์จากราชวงศ์นันทา ตั้งราชวงศ์โมริยะ พระเจ้าจันทรคุปต์ทรงขับพวกกรีกออกจากปัญจาบและคันธาระ และได้ดินแดนจากเปอร์เซียมาบางส่วน และบุกลงไปทางใต้ ยึดได้อินเดียเกือบทั้งทวีป ยกเว้นกลิงครัฐ

ต่อมาสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงมุ่งมั่นมากที่จะยึดกลิงครัฐ ประมาณพ.ศ. 270 จึงทรงทำสงครามอย่างหนักทำให้ชาวแคว้นกลิงครัฐตายเป็นเบือ พระเจ้าอโศกทรงสำนึกและหันเข้าหาพระพุทธศาสนาเพื่อชดเชยบาปที่ทรงเคยก่อ หลักฐานที่สำคัญในสมัยพระเจ้าอโศกคือเสาต่างที่พระเจ้าอโศกทรงให้สลักพระราชโองการลงไป เรียกว่า เสาพระเจ้าอโศก ซึ่งกระจายทั่วอินเดีย พระเจ้าอโศกทรงส่งสมณทูตออกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามดินแดนต่างๆ เป็นการแพร่กระจายพระพุทธศาสนาไปยังดินแดนอื่น

ประมาณพ.ศ. 300 อิทธิพลของราชวงศ์โมริยะในอินเดียใต้เสื่อมลง ทำให้อาณาจักรต่างๆตั้งตนเป็นอิสระอีกครั้ง ราชวงศ์คันธาระ ตั้งประเทศขึ้นในอินเดียกลางใน ราชวงศ์โจฬะ และราชวงศ์ปัณฑยะ

ส่วนราชวงศ์โมริยะเองก็ถูกโค่นไปในพ.ศ. 358 โดยราชวงศ์สังกะ อำนาจของแคว้นมคธอ่อนแอลง พระเจ้าเดเมตริอุสที่ 1 แห่งแบคเทรีย เป็นพันธมิตรกับราชวงศ์โมริยะจึงนำทัพเข้าบุกอินเดีย ตั้งอาณาจักรกรีกขึ้นในแคว้นปัญจาบ ต่อมาพระเจ้าเมนันเดอร์ (พระเจ้ามิลินท์) สามารถยกทัพบุกปาฏลีบุตร เมืองหลวงของแคว้นมคธได้ อาณาจักรกรีก-อินเดียรุ่งเรืองภายใต้พระเจ้าเมนันเดอร์ ศิลปะแบบกรีผสมผสานกับพระพุทธศาสนากลายเป็นพระพุทธรูปองค์แรก

ในทางกลับกัน ราชวงศ์สังกะกลับกดขี่พระพุทธศาสนา ทำให้ชาวพุทธจำนวนมากหนีไปอยู่ที่อาณาจักรกรีก-อินเดีย ประมาณพ.ศ. 400 ราชวงศ์คันธาระบุกปาฏลีบุตร และยึดมัธยประเทศได้ ราชวงศสังกะจึงถูกราชวงศ์คันวะ ล้มในพ.ศ. 468 ราชวงศ์คันวะอยู่ได้ไม่นาน ก็ถูกล้มโดยราชวงศ์คันธาระในพ.ศ. 517

ประมาณพ.ศ. 500 พวกซิเทียน (Scythians) จากเอเชียกลางบุกเข้าอินเดีย ทำลายอาณาจักรกรีก-อินเดีย และยึดลุ่มแม่น้ำคงคาได้ ชาวอินเดียเรียกว่าซิเทียนว่าพวกสักกะ (Sakas) จนพวกสักกะตั้งอาณาจักรย่อยมากมายเรียกว่ากษัตริย์ตะวันตก (Western Kshatrapas หรือ Western Satraps) ทางตะวันตกของราชวงศ์คันธาระในแคว้นมัลละ

ราชวงศ์คันธาระถูกพวกสักกะรุกรานอย่างหนัก จนพระเจ้าโคตรมีบุตร สัตตการณ์ แห่งคันธาระ เอาชนะพวกสักกะได้ในพ.ศ. 621 แต่ต่อมาพ.ศ. พระเจ้ารุทราดามันของพวกสักกะก็เข้าถล่มราชวงศ์คันธาระจนย่อยยับ ประมาณพ.ศ. 700 อำนาจของราชวงศ์คันธาระเสื่อมลง อาณาจักรต่างๆแยกตัวออกไป

พวกเย่จื่อ (Yuezhi) เป็นชนเผ่าทางตะวันตกของจีน เร่ร่อนอ้อมเทือกเขาหิมาลัยจนมาถึงอินเดียประมาณพ.ศ. 600 กุจุฬา กุษาณะ รวบรวมเผ่าเย่จื่อ หรือพวกกุษาณะ ขึ้นเป็นอาณาจักร พวกกุษาณะพบกับชาวกรีก-อินเดีย จึงรับอารยธรรมกรีกและพระพุทธศาสนา ราชวงศ์กุษาณะเรืองอำนาจสมัยพระเจ้ากนิษกะ พ.ศ. 670 แผ่อิทธิพลไปทั่วทั้งลุ่มแม่น้ำคงคา ขับพวกสักกะลงไปทางใต้

แต่พ.ศ. 783 ราชวงศ์ซาสสานิด (Sassanid dynasty) จากเปอร์เซียเข้าบุกยึดอินเดียและขับพวกกุษาณออกไปทางเหนือ พระเจ้าชาร์ปูร์แห่งเปอร์เซียตั้งข้าหลวงปกครองอินเดีย เรียกว่า กุชานชาห์ (Kushanshah) แปลว่า เจ้าแห่งกุษาณ

เมื่อไม่มีพวกกุษาณะเป็นโอกาสให้แคว้นมคธเรืองอำนาจอีกครั้งภายใต้พวกลิจฉวี ในพ.ศ. 863 จันทรคุปต์ แต่งงานกับลูกสาวพวกลิจฉวี จึงได้ครองแคว้นมคธภายใต้ราชวงศ์คุปตะ พระโอรสคือพระเจ้าสมุทรคุปต์ แผ่ขยายอิทธิพลคุปตะไปทางใต้แทนที่ราชวงศ์คันธาระ ประมาณพ.ศ. 900 ราชวงศ์คุปตะก็ได้อินเดียไปครึ่งทวีป และพ.ศ. 952 พระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 2 ปราบพวกสักกะในแคว้นมัลละได้หมด

สมัยคุปตะเป็นสมัยที่ศิลปวัฒนธรรมอินเดียรุ่งเรือง เป็นยุคทองของศาสนาฮินดูและพุทธ คัมภีร์ปุราณะก็ถือกำเนิดในสมัยนี้ แต่ราชวงศ์คุปตะก็เสื่อมลง ด้วยการรุกรานจากพวกหุนะ หรือ พวกฮั่น (Huns) หรือ เฮฟทาไลท์ (Hephthalites) จากเอเชียกลาง พวกหุนะบุกทะลุทะลวงเข้ามายึดได้ตั้งแต่เทือกเขาฮินดูกูชถืงแคว้นมัลละ ราชวงศ์คุปตะอ่อนแอลงและแตกออกเป็นอาณาจักรย่อยๆ ขณะที่ราชวงศ์คุปตะยังคงครองแคว้นมคธอยู่แต่สูญเสียการควบคุมอาณาจักรอื่น

ส่วนทางใต้ในพ.ศ. 888 ราชวงศ์คาดัมบา (Kadamba dynasty) เป็นราชวงศ์คันนาดา เป็นพวกฑราวิท ตั้งตนขึ้นมามีอำนาจแทนราชวงศ์คันธาระเดิมและต้านทานอินธิพลของราชวงศ์คุปตะได้ นอกจากพวกทมิฬแล้วราชวงศ์คาดัมบาเป็นราชวงศ์ดราวิเดียนราชวงศ์แรกที่ได้ปกครองตนเอง ขณะที่พวกทมิฬก็สูญเสียเอกราขให้แก่ราชวงศ์กัลพร์ (Kalabhras)

มุสลิมเชื้อสายเติร์ก(เอเชียกลาง) ได้ขยายอำนาจเข้ามาปกครองลุ่มแม่น้ำสินธุ ตั้งราชวงศ์ปกครองอินเดีย ให้เมืองเดลีเป็นเมืองหลวง การเผยแผ่ศาสนาของเติร์ก มุ่งใช้วิธีปราบปรามและบีบบังคับ และมีการเก็บภาษีจิซซา (jizya) จากประชาชนที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลามในอัตราที่สูง

ผลกระทบที่เกิดขึ้น ทำให้มีการหาทางออกจากผู้ที่เลื่อมใสในศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ซึ่งได้ประยุกหลักของศาสนาให้เข้ากับศาสนาอิสลาม และเกิดศาสนาใหม่ขึ้น คือศาสนาสิข

จนกระทั่งพวกมุคัลได้ล้มอำนาจสุลต่านแห่งเดลี และสถาปนาราชวงศ์ใหม่ คือราชวงศ์มุคัล แต่กระนั้นก็มีการก่อกบฏอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งการเข้ามาของจักวรรดิอังกฤษในยุคล่าอาณานิคม ราชวงศ์มุคลแพ้สงครามกับอังกฤษหลายครั้ง จนกระทั่งตกเป็นรัฐอาณานิคมของอังกฤษในปี พ.ศ. 1858


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

เบอร์ลินตะวันออก ประเทศเยอรมนีตะวันออก ปฏิทินฮิบรู เจ้า โย่วถิง ดาบมังกรหยก สตรอเบอร์รี ไทยพาณิชย์ เคน ธีรเดช อุรัสยา เสปอร์บันด์ พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ ตะวันทอแสง รัก 7 ปี ดี 7 หน มอร์ มิวสิค วงทู อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป รุ่น 2 เธอกับฉัน เป๊ปซี่ น้ำอัดลม แยม ผ้าอ้อม ชัชชัย สุขขาวดี ประชากรศาสตร์สิงคโปร์ โนโลโก้ นายแบบ จารุจินต์ นภีตะภัฏ ยัน ฟัน เดอร์ไฮเดิน พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 แห่งโปรตุเกส บังทันบอยส์ เฟย์ ฟาง แก้ว ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ เอ็มมี รอสซัม หยาง มี่ ศรัณยู วินัยพานิช เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน เค็นอิชิ ซุซุมุระ พอล วอล์กเกอร์ แอนดรูว์ บิ๊กส์ ฮันส์ ซิมเมอร์ แบร์รี ไวต์ สตาญิสวัฟ แลม เดสมอนด์ เลเวลีน หลุยส์ที่ 4 แกรนด์ดยุคแห่งเฮสส์และไรน์ กีโยม เลอ ฌ็องตี ลอเรนโซที่ 2 เดอ เมดิชิ มาตราริกเตอร์ วงจรรวม แจ็ก คิลบี ซิมโฟนีหมายเลข 8 (มาห์เลอร์) เรอัลเบติส เฮนรี ฮัดสัน แคว้นอารากอง ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน กันต์ กันตถาวร เอก ฮิมสกุล ปัญญา นิรันดร์กุล แฟนพันธุ์แท้ 2014 แฟนพันธุ์แท้ 2013 แฟนพันธุ์แท้ 2012 แฟนพันธุ์แท้ 2008 แฟนพันธุ์แท้ 2007 แฟนพันธุ์แท้ 2006 แฟนพันธุ์แท้ 2005 แฟนพันธุ์แท้ 2004 แฟนพันธุ์แท้ 2003 แฟนพันธุ์แท้ 2002 แฟนพันธุ์แท้ 2001 แฟนพันธุ์แท้ 2000 บัวชมพู ฟอร์ด ซาซ่า เดอะแบนด์ไทยแลนด์ แฟนพันธุ์แท้ปี 2015 แฟนพันธุ์แท้ปี 2014 แฟนพันธุ์แท้ปี 2013 แฟนพันธุ์แท้ปี 2012 ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ พรสวรรค์ บันดาลชีวิต บุปผาราตรี เฟส 2 โมเดิร์นไนน์ ทีวี บุปผาราตรี ไฟว์ไลฟ์ แฟนพันธุ์แท้ รางวัลนาฏราช นักจัดรายการวิทยุ สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 7 แบร์นาร์แห่งแกลร์โว กาอึน จิรายุทธ ผโลประการ อัลบาโร เนเกรโด ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ เอมี่ อดัมส์ ทรงยศ สุขมากอนันต์ ดอน คิง สมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต) สาธารณรัฐเอสโตเนีย สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย เน็ตไอดอล เอะโระเก คอสเพลย์ เอวีไอดอล ช็อคโกบอล มุกะอิ

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
233
จำนำรถราชบุรี รถยนต์ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 23301