ดิ อะเมซิ่ง เรซ (อังกฤษ: The Amazing Race หรือในบางครั้งรู้จักกันในตัวย่อ TAR มีชื่อภาษาไทยตามที่ออกอากาศทางช่องเอเอกซ์เอ็นในประเทศไทยว่า คนแกร่งแข่งอึด) เป็นเรียลลิตี้โชว์ ทางโทรทัศน์ ที่สมาชิกในทีม ทีมละสองคน ที่รู้จักกันมาก่อนแล้ว ทำการแข่งขันกับทีมอื่นโดยเดินทางรอบโลก โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องพยายามเข้าเป็นทีมแรกที่จุดหยุดพักในแต่ละเลกให้ได้ เพื่อเป็นผู้ชนะในเลกนั้น ๆ และหลีกเลี่ยงการมาถึงเป็นทีมสุดท้าย ที่อาจจะทำให้ทีมถูกคัดออกจากการแข่งขัน หรืออาจทำให้ทีมประสบอุปสรรคตามมาในเลกต่อไป ผู้เข้าแข่งขันจะเดินทางระหว่างประเทศหลายประเทศ ด้วยวิธีการเดินทางที่แตกต่างกันออกไป เช่น เครื่องบิน แท็กซี่ รถเช่า รถไฟ รถประจำทาง และเรือ คำสั่งในแต่ละช่วงของเลกจะสั่งให้ทีมไปยังจุดหมายต่อไป หรือทำงาน ไม่ว่าจะทำคนเดียวหรือสองคนก็ตาม ซึ่งงานที่ทีมทำนั้นจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับมารยาท หรือวัฒนธรรม ท้องถิ่นในประเทศที่พวกเขาไปเยือน โดยแต่ละทีมจะทะยอยถูกคัดออก จนกระทั่งเหลืออยู่ 3 ทีมสุดท้าย ณ จุดนั้น ทีมที่มาถึงเป็นทีมแรกในเลกสุดท้ายจะได้รับเงินรางวัลก้อนใหญ่ ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีมูลค่า 1 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ
ดิ อะเมซิ่ง เรซ ในเวอร์ชันสหรัฐอเมริกา สร้างโดย อลิส ดอร์แกนเลอร์ และ เบ็นตั้น แวนด์ มัสเตอร์ และได้ออกอากาศในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ. 2001 มีพิธีกรชื่อดังระดับรางวัลเอ็มมี ชาวนิวซีแลนด์ ฟิล คีโอแกน เป็นพิธีกรของรายการตั้งแต่ซีซั่นแรก และผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ระดับ ฮอลลีวูด เจอร์รี บรัคไฮเมอร์ เป็นผู้อำนวยการสร้างหลักของรายการ นอกจากนี้รายการนี้ยังมีการซื้อลิขสิทธิ์ ไปสร้างในหลาย ๆ ประเทศ โดยยังคงรูปแบบหลัก ๆ ของรายการอยู่ ส่วนเนื้อหาในบทความนี้จะใช้เกณฑ์และเนื้อหาของฉบับอเมริกาเป็นส่วนใหญ่
ผู้เข้าแข่งขันจำนวน 10 - 12 ทีม ใน ดิ อะเมซิ่ง เรซ จะเป็นทีมผู้เข้าแข่งขันสองคนที่รู้จักกันมาก่อนแล้ว (ยกเว้นหนึ่งครั้งในเวอร์ชันสหรัฐอเมริกา คือ ดิ อะเมซิ่ง เรซ 8 แข่งขันเป็นครอบครัวทีมละ 4 คน) จากจำนวนทีมที่เข้าแข่งขันทั้งหมด ทีมที่เข้าแข่งขันล้วนแสดงให้เห็นถึงสถิติของอายุ การเข้ากันทางเพศ และความสัมพันธ์ที่แตกต่างกัน ความสัมพันธ์ในการแข่งขันที่พบเห็นเช่นคู่แต่งงานที่แต่งงานกันมานานแล้ว คู่พี่น้อง (รวมถึงแฝด) คู่พ่อแม่ (รวมถึงหลานกับปู่ย่าตายาย) เพื่อน (เพื่อนร่วมห้อง, เพื่อนนักศึกษา, เพื่อนรักซึ่งเป็นเพศเดียวกัน, เพื่อนในโรงเรียนมัธยม, เพื่อนที่คบกันมานาน และเพื่อนในลักษณะอื่น ๆ) คู่รักโรแมนติก (ทั้งรักต่างเพศ และ รักเพศเดียวกัน) รวมไปถึงคู่สามีภรรยาที่เพิ่งเดทกันหรือแยกกันอยู่ กลไกความสัมพันธ์ในหลายด้านระหว่างสมาชิกในทีม ในระหว่างการแข่งขันเป็นหนึ่งในจุดสนใจของรายการ สมาชิกในทีมจะต้องแข่งขันร่วมกัน โดยไม่สามารถแยกกันได้ (ยกเว้นคำสั่งบอกให้ทำเป็นเวลาชั่วคราว) หากมีสมาชิกของทีมบาดเจ็บและไม่สามารถจบการแข่งขันได้ ทีมจะต้องถูกทำโทษ (เช่นมาร์แชลล์กับแลนซ์ในซีซั่นที่ 5) สมาชิกในทีมทั้งสองคนยังจะต้องเข้ามาที่จุดหยุดพักด้วยกันเพื่อเช็กอิน ทิศทางในการแข่งขันหลายอย่างเช่น ตัวผู้เข้าแข่งขันเอง การออกอากาศการแข่งขัน การโปรโมตการแข่งขันและการสนทนาระหว่างฟิลกับทีมที่ถูกคัดออกนั้น จะเป็นตัวเน้นผลกระทบของความสัมพันธ์ระหว่างการแข่งขัน แรกเริ่มแล้วผู้สมัครในการแข่งขันจะต้องรู้จักและมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันมาอย่างน้อย 3 ปี และผู้เข้าแข่งขันในคนละทีมกันจะต้องไม่รู้จักกันมาก่อนแล้ว ซึ่งจะทำให้มีการออกอากาศความสัมพันธ์ในทีมได้อย่างถูกต้องโดยที่ไม่ต้องยุ่งยากกับความสัมพันธ์ระหว่างทีม
อย่างไรก็ดี ผู้ผลิดรายการก็ได้ตัดกฎนี้ออกไปในซีซั่นหลัง ๆ เช่น คริสกับจอห์น (ซีซั่นที่ 6) เป็นคู่เดททางไกลมาเป็นเพียงแค่ 1 ปี หรือในกรณีที่ผู้เข้าแข่งขันหลายคนใน ซีซั่นที่ 5 ได้เคยแข่งขันกันมาก่อนในเวทีประชันความงาม (นิโคลชนะคริสตี้ในเวทีมิสเทกซัส ใน 2003) อีริคกับแดนเนียล (ซีซั่นที่ 11) ได้พบกันมาก่อนเป็นเวลาเพียงแค่ 1 ปีหลังจากแข่งอยู่คนละทีมในซีซั่นที่ 9 อย่างไรก็ดีสุดท้ายแล้วใบสมัครและคุณสมบัติการเข้ารับเลือกของซีซั่นที่ 14 (แจกจ่ายในวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 2008 ที่เว็บไซต์ของซีบีเอส) ได้ยกเลิกข้อกำหนดเรื่องความสัมพันธ์ก่อนการแข่งขันแล้ว แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามโดยทั่วไปแล้วสมาชิกในทีมจะมีความสัมพันธ์กันมาก่อนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม
การแข่งขันในแต่ละด่านจะประกอบไปด้วย งานทางแยก และ งานอุปสรรค แต่ในบางเลกอาจมีเพียงแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีงานเสริมที่ไม่จัดเป็นภารกิจหลักอีกมากมาย บางเลกอาจมี ทางด่วน ให้ใช้เพื่อนข้ามกิจกรรมทั้งหมดของเลกนั้นไปยังจุดพักเลย แต่ทีมสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวตลอดการแข่งขันเท่านั้น เมื่อจบแต่ละเลกผู้เข้าแข่งขันจะมีเวลาพัก 12 หรือ 24 ชั่วโมงแต่ในบางกรณีอาจมากกว่านั้นโดยสูงสุดอยู่ที่ 60 ชั่วโมงซึ่งเกิดขึ้นในฤดูกาลที่ 1 ที่ทีมงานเปลี่ยนแปลงสถานที่กะทันหันและยังสามารถแยกเลกในการแข่งขันออกเป็น 3 ประเภทได้ดังนี้
ในช่วงเริ่มต้นของแต่ละเลก แต่ละทีมจะได้รับเงินสดเป็นค่าใช้จ่ายพร้อมกับซองคำใบ้แรก ซึ่งในระหว่างการแข่งขัน ค่าใช้จ่ายทั้งหมด (อาหาร , การเดินทาง , ค่าที่พัก , ค่าเข้าชมสถานที่ในการแข่งขัน และอุปกรณ์ต่าง ๆ) จะต้องใช้เงินสดนี้ในการจ่าย ยกเว้นการซื้อตั๋วเครื่องบิน (และการจ่ายค่าน้ำมัน ในซีซั่นที่ 8) จะต้องใช้บัตรเครดิตที่ทางรายการมีให้ หากมีเงินเหลืออยู่ระหว่างเลก ทีมสามารถนำไปใช้ในเลกต่อไปได้ สำหรับในฤดูกาลก่อน ๆ ทีมสามารถใช้บัตรเครดิตในการจองตั๋วผ่านทางโทรศัพท์และการจองตั๋วออนไลน์ ได้ แต่ในซีซั่นที่ 12 ทีมจะสามารถใช้บัตรเครดิตได้ในการจองตั๋วที่แท่นขายตั๋วเท่านั้น (แต่ทีมยังสามารถใช้วิธีการใด ๆ ก็ได้ในการค้นหาเที่ยวบินที่พวกเขาเห็นว่าดีที่สุด)
เงินในที่นี้จะให้เป็นเงินสกุล ดอลลาร์สหรัฐ ไม่ว่าทีมจะอยู่ในประเทศใด ๆ ก็ตาม (กฎนี้มีข้อยกเว้นในเลก 4 ของ ซีซั่นที่ 10 ในประเทศเวียดนาม ที่ให้เงินเป็นเงินสกุลท้องถิ่น (ด่อง) โดยจำนวนเงินที่ให้ในแต่ละเลกนั้นแตกต่างออกไปตั้งแต่ไม่ให้เงินจนถึงหลายร้อยดอลลาร์ (ในซีซั่นที่ 1 , ซีซั่นที่ 10 , ซีซั่นที่ 12 มีอยู่หนึ่งเลกที่ทางรายการไม่ได้ให้เงินและในซีซั่นที่ 4 ทางรายการให้เงินเพียง 1 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับ 2 เลกสุดท้าย และตั้งแต่ ซีซั่นที่ 5 ถึง ซีซั่นที่ 9 ทีมที่เข้าสุดท้ายในเลกที่ไม่มีการคัดออกจะถูกบังคับให้คืนเงินทั้งหมด และจะไม่ได้รับเงินใช้ในเลกต่อไป
หากทีมใช้เงินหมดในระหว่างการแข่งขันหรือถูกยืดเงิน ทีมสามารถพยายามหาเงินได้ในวิธีที่ไม่ผิดกฎหมายท้องถิ่น เช่น การยืมเงินจากทีมอื่น การขอเงินจากคนท้องถิ่นหรือขายทรัพย์สินติดตัว (แต่มีกฎข้อหนึ่งที่เห็นชัดเจนในซีซั่นที่ 7 คือ "ห้ามทีมขอเงินในท่าอากาศยานในประเทศสหรัฐอเมริกา" นอกจากนี้ในเลก 3 (มองโกเลีย เวียดนาม) ของซีซั่นที่ 10 ทีมไม่ได้รับอนุญาตให้ขอเงินหรือขายทรัพย์สินติดตัวเพื่อแลกกับเงินด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
ทีมที่จำเป็นจะต้องใช้เงินฉุกเฉินประมาณ 200 ดอลลาร์สหรัฐ สามารถขอเงินจำนวนนี้มาใช้ได้จากทีมงานถ่ายทำที่จะถือเงินจำนวนนี้ไว้ แต่ต้องเป็นในกรณีเร่งด่วนเท่านั้นและโดยทั่วไปแล้วเงินเร่งด่วนนี้ไม่สามารถนำไปใช้ในกิจกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขัน อย่างไรก็ดีจำนวนเงินนี้ยังไม่ทราบจำนวนที่แน่นอนและ "สถานการณ์เร่งด่วน" ที่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนนี้ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดเช่นกัน
ทุกทีมจะต้องปฏิบัติตามกฎกติกาที่วางไว้เมื่อเริ่มต้นการแข่งขัน หากทีมใดไม่ปฏิบัติตาม อาจส่งผลกระทบต่อโทษปรับเวลาที่อาจส่งผลต่อลำดับในการจบการแข่งขันในเลกนั้น ๆ ของทีม อย่างไรก็ดี กฎการแข่งขันอย่างเป็นทางการไม่ได้ถูกเผยแพร่ออกมาสู่ผู้ชม แต่มีกฎกติกาบางส่วนที่เผยแพร่ออกมาในรูปของการบังคับใช้ในหลาย ๆ ครั้งระหว่างการแข่งขัน โดยกฎกติกาที่มีการเปิดเผยมีดังนี้
บทลงโทษและการชดเชยเวลาส่วนมากแล้วจะมีผลเมื่อทีมมาถึงจุดหยุดพัก โดยไม่สนว่าการกระทำผิดเกิดขึ้นในช่วงใดของเลก ฟิลจะบอกให้ทีมลงจากพรมเช็กอินก่อน แล้วรอจนกว่าโทษปรับเวลาจะหมด ซึ่งจะทำให้ทีมอื่น ๆ เข้าเช็กอินได้ในระหว่างนั้น ข้อยกเว้นสำหรับกรณีนี้คือทีมที่ไม่สามารถทำงานอุปสรรคได้ จะได้รับโทษปรับเวลา 4 ชั่วโทงทันทีที่ตัดสินใจถอนตัวหรือไม่ทำ รวมถึงไม่สามารถทำงานทางแยกได้ จะโดนปรับเวลา 24 ชั่วโมงทันทีเช่นกัน (ร็อบกับแอมเบอร์ใช้ประโยชน์จากข้อยกเว้นนี้ในซีซั่นที่ 7 จึงทำให้พวกเขายังอยู่ในการแข่งขัน) ในบางครั้งบทลงโทษอาจมีการประกาศหลังจากจบเลกนั้นแล้ว แต่ในบางครั้งไม่มีการออกอากาศ เพราะไม่ได้ส่งผลต่อลำดับของพวกเขา (นิคกับสตาร์ในซีซั่นที่ 13 เลกที่ 4) อย่างไรก็ดีก็สามารถสรุปได้ว่ามีบทลงโทษนั้น ๆ เกิดขึ้น โดยสรุปแล้ว บทลงโทษที่จะออกอากาศทางโทรทัศน์จะมีเพียงบทลงโทษที่ส่งผลกระทบต่อลำดับของทีมเท่านั้น (เช่น ฮีเธอร์กับอีฟในซีซั่นที่ 3 และเทอเรนซ์กับซาร่าห์ในซีซั่นที่ 13)
การถ่ายทำดิ อะเมซิ่ง เรซ ถือเป็นความท้าทางอย่างหนึ่ง เนื่องจากเป็นรายการที่แข่งขันไปทั่วโลก ทำให้ก่อนการถ่ายทำนั้นทีมงานจะต้องวางแผนเรื่องสถานที่ ภารกิจระหว่างการแข่งขัน การคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันและการส่งทีมงานเพิ่มเติมไปสนับสนุน ให้รอบคอบและสำเร็จไปได้ด้วยดี ท่ามกลางหน้าที่อันยากลำบากที่ผู้ผลิตจะต้องเผชิญระกว่างการแข่งขัน ระหว่างการแข่งขันช่างกล้องจะต้องติดตามทีมผู้เข้าแข่งขันและพิธีกรตลอดเวลา และหลังจากการถ่ายทำ ตัดต่อและได้ฟิล์มสุดท้ายที่จะนำไปออกอากาศแล้ว ทั้งทีมงานและสมาชิกในทีมจะต้องรับผิดชอบในการไม่เปิดเผยเนื้อความในรายการ (สปอยเลอร์) ที่จะทำให้มีผู้ทราบสถานที่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรือผลการแข่งขัน จนกว่าการแข่งขันจะออกอากาศจนจบ
หลังจากผ่านความพยายามมาอย่างหนัก ดิ อะเมซิ่ง เรซ เวอร์ชันสหรัฐอเมริกา ก็ได้รับรางวัลหลายรางวัล รวมทั้งรางวัลเอ็มมีสำหรับรายการเรียลลิตี้โชว์ประเภทการแข่งขันยอดเยี่ยม และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในรางวัลเอ็มมีในด้านเสียง การถ่ายทำวิดีโอ และการตัดต่อวิดีโออีกด้วย
เวอร์ชันต้นฉบับของ ดิ อะเมซิ่ง เรซ คือเวอร์ชันของสหรัฐอเมริกา ซึ่งออกอากาศครั้งแรกทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส ในเดือน พฤศจิกายน ค.ศ. 2001 โดยในเดิอนตุลาคม ค.ศ. 2005 ซีบีเอส ให้เอกสิทธิ์ประเทศอื่นทำ ดิ อะเมซิ่ง เรซ เป็นของตนเอง โดยบัวนาวิสต้า อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย-แปซิฟิก (BVITV-AP) และ โซนี่ พิกเจอร์ส เอนเตอร์เทนเมนต์ เอเชีย (บริษัทแม่ของ เอเอกซ์เอ็น เอเชีย) ได้ผลิตดิ อะเมซิ่ง เรซ ในเวอร์ชันเอเชีย โดยมีชื่อว่า ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชียในเดือนเดียวกันนั้นเอง โดยซีซั่นแรกเริ่มรับสมัครตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ จนถึงปลายเดือน มีนาคม ค.ศ. 2006 เริ่มถ่ายทำในเดือนมิถุนายน และฤดูกาลแรกออกอากาศตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 2006 ถึง 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2007 หลังจากนั้นเองยังมี ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย ตามอีก 2 ฤดูกาล
ในช่วงปี ค.ศ. 2005 เอเอกซ์เอ็น เซ็นทรัลยุโรป ได้ประกาศเวอร์ชันเซ็นทรัลยุโรปออกมาโดยให้ชื่อว่า ดิ อะเมซิ่ง เรซ เซ็นทรัล ยุโรป การสมัครปิดลงโดยมีจำนวนผู้สมัครกว่า 2,500 คน และคาดว่าจะถ่ายทำในปี ค.ศ. 2006 และออกอากาศในเดือน กันยายน ในปีเดียวกัน โดยจนถึงปัจจุบันรายการก็ยังไม่ได้ออกอากาศ และถูกถอดออกจากเว็บไซต์ของเอเอกซ์เอ็น ทำให้มีข่าวลือกันว่ารายการนี้อาจถูกยกเลิก
นอกจากนี้บริษัทผลิดรายการอิสระของอเมริกาใต้แห่งหนึ่งประกาศในช่วงปลายปี ค.ศ. 2006 ว่าจะมีการออกอากาศเวอร์ชันบราซิลของ ดิ อะเมซิ่ง เรซ ในชื่อ ดิ อะเมซิ่ง เรซ: A Corrida Milion?ria ในช่วงเวลาที่ต้องซื้อเวลาของโทรทัศน์บราซิล RedeTV! โดยซีซั่นแรกเริ่มรับสมัครตั้งแต่เดือน มกราคม จนถึง กรกฎาคม ถ่ายทำในช่วงเดือน สิงหาคม ถึง กันยายน และออกอากาศซีซั่นแรกในช่วงวันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 2007 ถึง 5 มกราคม ค.ศ. 2008(โปรตุเกส)
ในช่วงปี ค.ศ. 2008 ดิสคัฟเวอรี แชนแนล ลาตินอเมริกา ได้ประกาศเวอร์ชันลาตินอเมริกาของดิ อะเมซิ่ง เรซ ในชื่อ ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอ็น ดิสคัฟเวอรี แชนแนล โดยเป็นความร่วมมือกับดิสนีย์แชนแนล ลาตินอเมริกา โดยคาดว่าจะเริ่มถ่ายทำในช่วงต้นปี ค.ศ. 2009 และออกอากาศในแถบลาตินอเมริกา และหมู่เกาะในทะเลแคริบเบียน ในช่วงปลายปีเดียวกัน และโทรทัศน์อิสราเอล Reshet ได้ลิขสิทธิ์ในการผลิตเวอร์ชันอิสราเอลของรายการที่ชื่อ Ha'Merotz La'Million (อังกฤษ: The Race to the Million; ไทย: การแข่งขันสู่เงินล้าน) โดยรายการมีกำหนดจะออกอากาศทั่วเอเชียใน ค.ศ. 2009
โดยส่วนใหญ่แล้วจะซื้อลิขสิทธิ์มาผลิตและฉายไปทั่วทวีปที่ตนเองอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ทวีปเอเชีย ทวีปยุโรป ทวีปอเมริกาใต้ ยกเว้นสหรัฐอเมริกาที่เป็นต้นกำเนิดและมีลิขสิทธิ์เป็นของตนเองโดยมากต่างประเทศจะซื้อรายการของสหรัฐอเมริกาไปฉาย แต่ในบางประเทศก็ซื้อลิขสิทธิ์ไปเพื่อผลิตเองและฉายเฉพาะในประเทศตนเองเท่านั้น ไม่ได้ฉายไปทั่วทวีป เช่น ประเทศบราซิล ประเทศจีน ประเทศอิสราเอล ประเทศออสเตรเลีย ประเทศยูเครน เป็นต้น