ซูเปอร์จูเนียร์ (ฮันกึล: ?????; อาร์อาร์: Syupeo Junieo; อังกฤษ: Super Junior) เป็นวงดนตรีชายล้วนสัญชาติเกาหลีใต้ซึ่งลี ซู-มาน ตั้งขึ้นในปี 2548 สังกัดเอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ เบื้องต้นประกอบด้วยสมาชิกสิบสองคน คือ อีทึกเป็นหัวหน้า พร้อมด้วยฮีช็อล, หาน เกิง, เยซ็อง, คังอิน, ชินดง, ซ็องมิน, อึนฮย็อก, ดงแฮ, ชีว็อน, รยออุก และคีบ็อม ต่อมาในปี 2549 คยูฮย็อนจึงเข้าเป็นสมาชิกคนที่สิบสาม ปัจจุบันเหลือสมาชิก 11 คน คือ อีทึก, ฮีช็อล, เยซ็อง, คังอิน, ชินดง, ซ็องมิน, อึนฮย็อก, ดงแฮ, ชีว็อน, รยออุก และคยูฮย็อน
ในช่วงต้น พ.ศ. 2547 เกิดข่าวลือหนาหูแพร่สะพัดไปในอินเทอร์เน็ต เกี่ยวกับการก่อตั้ง'''บอยแบนด์'''กลุ่มใหญ่ของ เอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ จนกระทั่งในตอนต้น พ.ศ. 2548 เอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ได้ออกมายืนยันข่าวลือดังกล่าว พร้อมประกาศว่า บอยแบนด์กลุ่มดังกล่าวจะมีจำนวนสมาชิกทั้งสิ้นกว่า 13 คน และจะเปิดตัวต่อสาธารณชนในช่วงก่อนสิ้นปี นอกจากนี้ ยังได้กล่าวเน้นว่า บอยแบนด์กลุ่มนี้จะกลายเป็น ประตูสู่ความเป็นดาวแห่งเอเชีย (The Gateway to Stardom of Asia) ในขณะนั้น พวกเขาถูกเรียกขานว่า โอเวอร์ หรือ โอ.วี.อี.อาร์ (O.V.E.R.) ซึ่งย่อมาจาก "ยึดมั่นในท่วงทำนองแต่ละจังหวะ (Obey the Voice For Each Rhythm)" และในภายหลัง ได้กลายมาเป็น ซูเปอร์จูเนียร์ 05 ก้าวแรกของซูเปอร์จูเนียร์ในปัจจุบัน
ซูเปอร์จูเนียร์ได้เปิดตัวและออกรายการโทรทัศน์ครั้งแรกที่สถานีเอสบีเอส ในรายการ "Inkigayo" หรือ "Popular Songs" เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนพ.ศ. 2548 พร้อมกับการแสดงในเพลง "Twins (Knock Out)" ซิงเกิลแรกของพวกเขา ซึ่งภายหลังจากการแสดงครั้งนั้น ซูเปอร์จูเนียร์ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟนเพลง และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ทางต้นสังกัดตัดสินใจที่จะออกวางขายอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกของซูเปอร์จูเนียร์ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2548 โดยที่ก่อนหน้านี้นั้นซูเปอร์จูเนียร์ ได้ออกซิงเกิลพิเศษที่มีชื่อว่า "Show Me Your Love" ร่วมกับสมาชิกร่วมค่ายอย่างวงทงบังชินกิ?ไปแล้ว เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2548
นอกจากความโด่งดังของซูเปอร์จูเนียร์ในประเทศเกาหลีใต้บ้านเกิดแล้ว พวกเขายังเป็นที่รู้จักในต่างประเทศอีกด้วยโดยเฉพาะในประเทศไทย ที่พวกเขาได้มีโอกาสไปร่วมงาน "พัทยามิวสิกเฟสติวอล 2006" เมื่อวันที่ 17 มีนาคม-19 มีนาคม พ.ศ. 2549 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้ในประเทศจีนเองพวกเขาก็มีเว็บไซต์ที่เหล่าแฟนคลับทำขึ้น
ในวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 เอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ ตันสังกัดได้ประกาศสมาชิกคนที่ 13 คยูฮย็อน ทำให้ซูเปอร์จูเนียร์ประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 13 คน และพวกเขาได้ออกซิงเกิลใหม่ที่มีชื่อว่า "U" โดยได้เปิดให้ดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของ เอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ ฟรี ในวันที่ 25 พฤษภาคม และ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ตามลำดับ เพื่อตอบแทนแฟนเพลงที่ให้การตอบรับซูเปอร์จูเนียร์เป็นอย่างดี โดยมียอดดาวน์โหลดกว่า 400,000 ครั้งภายใน 5 ชั่วโมง และยอดดาวน์โหลดรวมกว่า 1.4 ล้านครั้ง
ซีดีซิงเกิล "U" ได้ออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2549 และสามารถขายได้กว่า 83,000 หน่วย
ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมิวสิกวิดีโอของพวกเขา ที่มีชื่อว่า "Dancing Out" ได้เริ่มออกอากาศตามสถานีโทรทัศน์ และซูเปอร์จูเนียร์ก็ได้ออกแสดงโปรโมทตามรายการโทรทัศน์สถานีต่าง ๆ โดยมิวสิกวีดีโอเพลงนี้ถ่ายทำกันที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อครั้งที่ซูเปอร์จูเนียร์ได้เป็นแขกรับเชิญพิเศษให้กับคอนเสิร์ตของนักร้องร่วมค่ายอย่าง ทงบังชินกี ที่จัดขึ้นที่นั่นในช่วงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2549 อย่างไรก็ดีเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้นถึง 2 เรื่องเมื่อคุณพ่อของดงแฮ 1 ในสมาชิกในวงเกิดเสียชีวิตลงอย่างกะทันหันด้วยอาการป่วยเรื้อรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ทำให้สมาชิกในวงต้องเดินทางกลับไปยังเกาหลีใต้เพื่อร่วมพิธีศพที่จัดขึ้นในวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2549 หลังจากเสร็จสิ้นงานพิธีศพแล้ว ในระหว่างการเดินทางกลับของ 1 ในสมาชิกในวง ฮีช็อล ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดที่ขา ซึ่งแพทย์ระบุว่าฮีช็อลนั้นต้องพักงานนานเป็นเวลากว่า 3-6 เดือนด้วยกัน ส่งผลให้ซูเปอร์จูเนียร์จำเป็นต้องพักงานที่รับไว้ในช่วงหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น 1 สัปดาห์เกือบทั้งหมด
สืบเนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ของสมาชิกในวง ทำไห้โครงการสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 2 ของซูเปอร์จูเนียร์ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด จนกระทั่ง Don't Don ได้รับการออกวางจำหน่ายในที่สุด เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2550 ซูเปอร์จูเนียร์ได้ร่วมกันขึ้นแสดงอีกครั้งเป็นครั้งแรกสำหรับการโปรโมทอัลบั้มชุดนี้ ที่รายการมิวสิกแบงก์ ทางสถานีเคบีเอส เมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2550 และการแสดงในครั้งนี้ก็นับเป็นแรกที่ทั้ง 13 คนได้ขึ้นแสดงพร้อมกันในรอบ 1 ปีอีกด้วย
Don't Don เปิดตัวด้วยอันดับที่ 1 บนchartโดยภายใน 7 วันหลังออกวางจำหน่าย สามารถทำยอดจำหน่ายได้กว่า 60,000 หน่วย และหลังจากนั้น 3 เดือน Don't Don สามารถทำยอดจำหน่ายได้มากถึง 164,058 ชุด และกลายเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดของซูเปอร์จูเนียร์ นอกจากนี้ ยังรั้งอันดับ 2 ในชาร์ตอัลบั้มขายดีที่สุดในปี พ.ศ. 2550 เป็นรองแค่อัลบั้ม The Sentimental Chord ของเอสจีว็อนนาบีที่รั้งอันดับหนึ่ง ด้วยยอดขายที่นำอยู่ราว 26,940 ชุด
จากผลงานอัลบั้ม Don't Don ซูเปอร์จูเนียร์มีชื่อเข้าชิงรางวัลในงาน 2007 M.NET/KM Music Festival ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ถึง 7 สาขา และสามารถคว้ารางวัลกลับบ้านได้ถึง 3 รายการ ได้แก่ Netizen Choice Award และ Mobile Popularity รวมไปถึงรางวัลใหญ่ที่สุดในงาน (แดแซง-Daesang) Best Artist of the Year. ซึ่งนับเป็นความสำเร็จอย่างสูงของซูเปอร์จูเนียร์และอัลบั้มชุดนี้ และจากความนิยมในตัวซูเปอร์จูเนียร์อย่างล้นหลามในประเทศไทย ทำให้ล่าสุด พวกเขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูตกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-เกาหลีใต้ ในโอกาสครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์อีกด้วย
เอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ เตรียมเปิดตัวกลุ่มย่อยกลุ่มใหม่ ในชื่อซูเปอร์จูเนียร์ ไชนา ท่ามกลางการประท้วงของเหล่าแฟนคลับ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 เมษายน มีการแถลงข่าวของกลุ่มย่อยกลุ่มนี้ ภายใต้ชื่อ ซูเปอร์จูเนียร์ เอ็ม โดยตัวเอ็ม (M) ย่อมาจาก แมนดาริน ประกอบด้วยสมาชิกจากซูเปอร์จูเนียร์จำนวน 7 คนคือ หาน เกิง, ดงแฮ, คยูฮย็อน, รยออุก, ชีว็อน และอีก 2 คนที่เพิ่มเข้ามาเฉพาะยูนิตนี้ คือ เฮนรี และ โจว มี่ แล้วปีพ.ศ. 2554 ยูนิตแมนดาริน ได้เพิ่มสมาชิกจากวงซูเปอร์จูเนียร์อีก2คน คือ ซ็องมิน และ อึนฮย็อก
7 มิถุนายน ได้มีการเปิดตัวกลุ่ยย่อยใหม่อีกกลุ่มหนึ่งของซุปเปอร์จูเนียร์ ภายใต้ชื่อ ซูเปอร์จูเนียร์ แฮปปี้ (Super Junior Happy) ที่งาน 2008 Dream Concert โดยมีสมาชิกคือ อีทึก, คังอิน, อึนฮย็อก, ชินดง, ซ็องมิน และ เยซ็อง และ 35 ชั่วโมงหลังจากการจำหน่ายอัลบั้มก็สามารถทำยอดขายได้ถึง 3500 แผ่น และมียอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะนี้ ซูเปอร์จูเนียร์ แฮปปี้ กำลังได้รับความนิยม และกระแสตอบรับอย่างดีจากแฟน ๆ
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ซูเปอร์จูเนียร์ได้เดินทางไปร่วมงาน เอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ดส 2008 ที่จัดขึ้นที่เก็นติงไฮแลนด์ ประเทศมาเลเซีย พวกเขาได้ขึ้นแสดงเพลง "Mirror" "Don't Don" และ "A Man In Love" ซึ่งในงานนี้ ซูเปอร์จูเนียร์ได้รับรางวัล "ศิลปินยอดนิยมจากเกาหลี" อีกด้วย
อัลบั้มลำดับที่ 3 ของซูเปอร์จูเนียร์ในชื่อ Sorry, Sorry ออกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2552 โดยก่อนวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการนั้น มียอดจองอัลบั้มกว่า 150,000 ชุด และซูเปอร์จูเนียร์ได้ขึ้นแสดงเพลง "Sorry, Sorry" ซิงเกิลแรกจากอัลบั้ม และเพลง "Why I Like You" ที่รายการมิวสิกแบงก์เพื่อประกาศถึงการกลับมา โดยท่าเต้นที่ใช้ในการแสดง รวมไปถึงในมิวสิกวิดีโอนั้น ได้รับการออกแบบโดยนิค แบส นักออกแบบท่าเต้นชื่อดัง
อัลบั้ม Sorry, Sorry ขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ตอัลบั้มขายดีของเกาหลีใต้ซึ่งมียอดจำหน่ายสูงถึง 200,000 ก๊อปปี้ ส่วนซิงเกิล "Sorry, Sorry" นั้นก็ขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ตเพลงเช่นกัน
นอกจากนั้น single ที่ 2 ของซูเปอร์จูเนียร์ เพลง It's you หลังจากเปิดตัวได้เพียง 1 สัปดาห์ ก็สามารถครองอันดับ 1 ในชาร์ตต่าง ๆ ของเกาหลีได้ เช่น รายการมิวสิกแบง ของ KBS
และรางวัล Channal [V] Thailand Top 50 of 2009 เพลง Sorry sorry ก็ได้ที่1อีกด้วย และยังได้รางวัล Asian popular Artist จากเวที Seed Award ของประเทศไทย
และยังได้รางวัล Disk Daesang จากเวที Golden Disk Awards ประจำปี 2009 ซึ่งถือเป็นงานมอบรางวัลที่ใหญ่ที่สุดแห่งปีและ Disk Daesang ยังเป็นรางวัลที่ใหญ่ที่สุดของงานอีกด้วย
ได้รับการยืนยันจาก SM Entertainment ต้นสังกัดแล้วว่าซูเปอร์จูเนียร์จะกลับมาพร้อมผลงานอัลบั้มเต็มชุดที่ 4 ในเดือนพฤษภาคมนี้ จะออกทีเซอร์ในวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 มิวสิกวิดีโอเต็มวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 อัลบั้มเต็มจะจำหน่าย วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 โดยประกอบด้วยสมาชิกเข้าร่วม 10 คน ขาดคังอินซึ่งติดเกณท์ทหาร คีบ็อมที่ติดงานแสดง และหาน เกิงยังไม่สิ้นสุดคดีกับต้นสังกัด อัลบั้มนี้แม้จะขายได้กว่าแสนชุด แต่ในยอดดิจิตอลถือว่าไม่ประสบความสำเร็จนัก ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่าวงยังไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปนักและในประเทศไทยพวกเค้ายังประสบความสำเร็จด้วยการเป็นที่1ของปีในชาร์ตเพลง Channal [V] Thailand Top 50 2010 โดยเพลง Bonamana ได้ที่1ของปี ซึ้งเป็นปีที่สองติดต่อกันแล้วที่พวกเค้าได้ ที่1 เพลงแห่งปีติดต่อกัน และเพลงไตเติ้ลของอัลบั้มนี้ คือ Bonamana ก็ยังครองแชมป์อันดับหนึ่งติดต่อกันได้นานถึง 63 สัปดาห์บนเว็บไซต์เพลงออนไลน์ KKBOX ของไต้หวันอีกด้วย
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ทาง SM Entertainment ต้นสังกัดได้มีการเปิดตัวภาพทีเซอร์เดี่ยวของสมาชิกในอัลบั้มเต็มชุดที่ 5 โดยในวันดังกล่าวได้เปิดตัวภาพทีเซอร์ของ อึนฮย็อก หนึ่งในสมาชิกวงซึ่งในอัลบั้มนี้ได้เปลี่ยนสีผมของเขาเป็นสีบอล์นทอง และต่อมาได้มีการปล่อยภาพทีเซอร์ออกมาวันละภาพ ได้แก่ ดงแฮ, อีทึก, ชินดง และ คยูฮย็อน ในวันเดียวกัน ซ็องมิน, รยออุก, เยซ็อง, ชีว็อน และ ฮีช็อล ในวันเดียวกัน วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ได้เผยภาพทีเซอร์กลุ่มออกมาด้วย
เพลง Mr.Simple สามารถอยู่อันดับ 1 บนชาร์ตรายการเพลงของเกาหลี Music Bank นานถึง 5 สัปดาห์ และยังอยู่อันดับ 1 บนชาร์ต KKBOX ของไต้หวันเป็นเวลานานถึง 44 สัปดาห์
นอกจากนี้ อัลบั้ม Mr.Simple สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 500,000 ก๊อปปี้ และได้รางวัล Disk Daesang จากเวที Golden Disk Awards ประจำปี 2011 อีกด้วย
ในปี 2554 ซุปเปอร์จูเนียร์เริ่มมีความนิยมขยายวงกว้างมากขึ้นในประเทศแทบยุโรปและอเมริกา ซึ่งมิวสิกวิดีโอเพลง Mr.Simple ปัจจุบันมียอดผู้เข้าชมในยูทูปมากกว่า 127 ล้านวิวทีเดียว
ทาง SM Entertainment ต้นสังกัดได้มีการเปิดตัวภาพทีเซอร์เดี่ยวของสมาชิกในอัลบั้มเต็มชุดที่ 6 เพลงจะปล่อยออกมาในวันที่ 1 กรกฎาคมเวลา 00.00 a.m. (KST) โดยก่อนหน้านี้ได้ปล่อยภาพทีเซอร์มาครบสิบคนแล้วโดยในอัลบั้มนี้ ฮีช็อลได้เข้ากรมและคังอินซึ่งออกจากกรมแล้วจึงได้กลับมาร่วมงานในอัลบั้มที่หกนี้
เพลง Sexy, Free & Single อยู่อันดับ 1 บนชาร์ต Music Bank เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ในด้านยอดขายอัลบั้ม ซุปเปอร์จูเนียร์เป็นวงที่มียอดขายสูงสุดประจำปีติดต่อกัน 3 ปี ตั้งแต่ 2010-2012 นั่นก็คืออัลบั้ม Bonamana, Mr.Simple และ Sexy, Free&Single ซึ่งในอัลบั้มนี้สามารถทำยอดขายได้ 356,431 ก๊อปปี้ และหลังจากอัลบั้ม Sexy, Free & Single ถูกปล่อยออกมากในวันที่4กรกฎาคม อัลบั้มก็ได้พุ่งขึ้นสู่อันดับ 1 ของชาร์ตอัลบั้ม Hanteo Chart, Hot Tracks และชาร์ตเพลงอื่นๆในเกาหลีและเอเชียและไม่ใช่เพียงเรียลไทม์ชาร์ตและเดลี่ชาร์ต พวกเขายังสามารถคว้าอันดับ 1 ของวีคลี่ชาร์ตกับยอดขายอัลบั้มที่ล้มหลาม เป็นเครื่องการันตรีความนิยมอันล้มหลามในตัวบอยแบนด์กลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี
บนเว็บของ billboard ในชาร์ตของยอดขายอัลบั้มประจำสัปดาห์ ยังปรากฏชื่อของอัลบั้ม Sexy, Free & Single อยู่ในอันดับที่ 3 ของอัลบั้มที่มียอดขายสูงสุดในสัปดาห์นี้ อีกทั้งยังขึ้นสู่อันดับหนึ่งของ Biggest Jump ด้วยการขึ้นสู่อันดับ 3 ได้ในการปรากฏชื่อเป็นชาร์ตครั้งแรก นับเป็นการยืนยันว่า ซุปเปอร์จูเนียร์เป็นบอยแบรนด์ที่มีการตอบรับอย่างล้นหลาม
นอกจากนี้ในปี 2555 ซุปเปอร์จูเนียร์ยังได้รางวัล Disk Daesang จากเวที Golden Disk Awards ประจำปี 2012 ซึ่งติดต่อกันเป็นปีที่ 2 และเป็นครั้งที่ 3 ที่ซุปเปอร์จูเนียร์ได้รางวัลนี้
ผลงานเพลงของซูเปอร์จูเนียร์นั้น อาจจะกล่าวได้ว่า เป็นแนว เค-ป๊อป อันเป็นแนวเพลงที่กำลังได้รับความนิยม เพลงในลักษณะนี้มักจะมีการผสมผสานกันระหว่างดนตรี ร็อค และ อาร์แอนด์บี เพิ่มเข้ามาด้วย ซิงเกิลเปิดตัวของพวกเขา "TWINS (Knock Out)" เป็นเพลงที่ถูกนำกลับมาร้องใหม่ หรือที่เรียกว่า เพลงคัฟเวอร์ ต้นฉบับเดิมเป็นของวง "Triple Eight" บอยแบนด์จากเกาะอังกฤษในชื่อเพลง "Knockout" ออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2546 ในฉบับของซูเปอร์จูเนียร์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงสไตล์ของเพลงให้เป็นแร็ป-ร็อคที่หนักหน่วงยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยท่อนแร็ปที่เร็วขึ้น และเน้นเสียงเบสที่มีจังหวะรุนแรง ซิงเกิลต่อมา "Miracle" เป็นเพลงรักในแนวป๊อปที่เบาสบาย ส่วนซิงเกิล "U" อาจเรียกได้ว่า เป็นแนวเออร์บัน เพราะได้รับอิทธิพลของดนตรีอาร์แอนด์บีเข้ามาใช้มากขึ้น
ในอัลบั้มที่ 2 "Don't Don" ซิงเกิลเปิดอัลบั้มในชื่อเดียวกันนั้น เป็นเพลงร็อกที่หนักหน่วง บวกกับแร็ปและอาร์แอนด์บี และได้มีการนำเอาไวโอลินเข้ามาประกอบด้วย ในขณะที่ซิงเกิลที่ 2 อย่าง "Marry U" เป็นเพลงบัลลาด อาร์แอนด์บี นอกจากนี้ยังเพลงกึ่งฮิปฮอบอย่าง "A Man In Love" ซึ่งประกอบด้วยเครื่องดนตรีแบบเคาะให้จังหวะ เช่น djemba ของแอฟริกัน และ tabla ของอินเดีย
ฮีช็อล, ชินดง และอึนฮย็อก มีรายชื่อในฐานะผู้เขียนท่อนแร็ปในซิงเกิลร่วมระหว่างซูเปอร์จูเนียร์ และทงบังชินกิ อย่าง "Show Me Your Love" นอกจากนั้น อึนฮย็อก ยังมีชื่อในฐานะผู้เขียนท่อนแร็ปของซิงเกิล "U" อีกด้วย ในอัลบั้ม "Don't Don" สมาชิกหลายคนได้เริ่มมีบทบาทมากขึ้นการเขียนเนื้อเพลง อีทึก, ซ็องมิน, อึนฮย็อก และดงแฮ ร่วมกันเขียนเพลงในสไตล์ป๊อปชื่อ "I am" และอึนฮย็อกยังคงเป็นสมาชิกหลักที่มีบทบาทมากที่สุดในการเขียนและร้องแร็ปในอัลบั้มชุดนี้
การที่ซูเปอร์จูเนียร์มีจำนวนสมาชิกที่มากถึง 13 คนนั้นย่อมหมายถึง การมีเสียงในลักษณะแตกต่างและหลากหลายช่วง สมาชิกบางคน โดยเฉพาะ เยซ็อง นั้นได้รับการยอมรับถึงความสามารถในการใช้เทคนิคโหนเสียงสูง อีทึก, ฮีช็อล, ฮันคยอง, ซ็องมิน, ดงแฮ และรยออุก จัดว่ามีเสียงอยูในช่วงแบริโทนขั้นสูง จนถึง ช่วงเทเนอร์ ในขณะที่คังอิน และชีว็อนมีเสียงอยู่ในช่วงแบริโทนที่ต่ำกว่า ส่วนชินดง, อึนฮย็อก, คีบอม และคยูฮย็อนนั้นมีเสียงอย่ในช่วงเบส
ในฐานะแร็ปเปอร์ของวง อึนฮย็อก, ชินดง, คีบอม,ฮีช็อลและดงแฮ ล้วนมีความสามารถในการสังเคราะห์จังหวะ และการขยับลิ้นที่รัวเร็ว
ซูเปอร์จูเนียร์ถูกมองว่ายังขาดความสามารถในการขับร้องและยังถูกกังขาในเรื่องของการลิปซิง โดยในประเด็นดังกล่าวร้อนแรงยิ่งขึ้น หลังจากทางวงขึ้นแสดงในรายการ Music Core ทางสถานีโทรทัศน์เอ็มบีซี ของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นรายการสำหรับการแสดงสด ถึงแม้ว่าแฟน ๆ จะออกมาโต้แย้งว่า นั่นเป็นอาการเจ็บป่วยของฮีช็อลอันนำมาซึ่งความไม่พร้อมในการใช้เสียง (เพราะเขาได้ใช้เสียงทำโทนเสียงเอฟเฟคต์ในเพลง Don't don จนไอออกมาเป็นเลือดทุกครั้งที่แสดง) แต่นักวิจารณ์กลับมีความเห็นว่า คำอธิบายดังกล่าวฟังไม่ขึ้น โดยนักวิจารณ์มองว่า ในฐานะวงดนตรีที่มีสมาชิกจำนวนกว่า 13 คน อาการเจ็บป่วยของสมาชิกเพียงคนเดียวย่อมไม่อาจนำมาเป็นข้ออ้างได้ แต่อย่างไรก็ดี การถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักนี้ ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความนิยมของแฟนเพลงที่มีต่อซูเปอร์จูเนียร์ โดยยอดขายอัลบั้มยังดำเนินไปอย่างเป็นที่น่าพอใจ
และเพื่อเป็นการลบคำสบประมาท ในการขึ้นแสดงเพลง Don't Don เพื่อประกาศการกลับมาพร้อมกับอัลบั้มที่ 2 นั้น ซูเปอร์จูเนียร์ได้แสดงสดทั้งหมด โดยในทัวร์คอนเสิร์ตซูเปอร์โชว์ ได้มีการใช้ลิปซิ้งเพียง 6 เพลงเท่านั้น ซึ่งก็ได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวก
จุดเด่นในการแสดงบนเวทีของซูเปอร์จูเนียร์อย่างหนึ่งคือ การเต้น รูปแบบการเต้นของพวกเขานั้นเรียกกันว่า “การเต้นบนท้องถนน” หรือ “สตรีท แดนซิ่ง” ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ การเต้นในลักษณะดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากการเต้นในสไตล์ฮิปฮอป หรือ บี-บอย ในเพลงส่วนใหญ่ของซูเปอร์จูเนียร์นั้นจะมีท่อนบริดจ์ ซึ่งจะมีสมาชิก 2 – 6 คนออกมาเต้น ฮันคยอง, ชินดง, อึนฮย็อก, และดงแฮ เป็นสมาชิกที่มีทักษะการเต้นอยู่ในระดับ ๆ ต้นของวง และมักจะได้รับโอกาสไห้เต้นนำ และเต้นเดี่ยว อยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ การเต้นโดยใช้รูปแบบของศิลปะป้องกันตัว ยังได้ถูกนำมาใช้ โดยเฉพาะฮันคยองและซ็องมินซึ่งมีความสามารถพิเศษในทักษะดังกล่าว และสมาชิกบางคนยังได้มีส่วนร่วมในการออกแบบท่าเต้น เช่น ชินดงซึ่งได้ออกแบบท่าเต้นให้กับซิงเกิล "U" รวมไปถึงเพลงอื่น ๆ ส่วนสมาชิกที่เหลือ ก็ได้ร่วมคิดท่าเต้นสำหรับซิงเกิล "Don’t Don" อีกด้วย นอกจากนี้ ซูเปอร์จูเนียร์ยังได้มีโอกาสรวมงานกับ นักออกแบบท่าเต้นชื่อดังอย่าง นิค แบส ที่เคยออกแบบท่าเต้นให้กับศิลปินระดับโลกอย่าง จัสติน ทิมเบอร์เลค โดยแบสเป็นผู้ออกแบบท่าเต้นสำหรับซิงเกิล "Sorry, Sorry" ซึ่งเป็นซิงเกิลแรกจากอัลบั้มที่ 3 นี้ด้วย
ก่อนการเปิดตัวของซูเปอร์จูเนียร์ สมาชิกหลาย ๆ คนได้เคยมีผลงานออกอากาศทางโทรทัศน์มาแล้ว อีทึกเป็นสมาชิกคนแรกที่เคยแสดงเป็นตัวประกอบในละครเรื่อง สงครามแห่งความรัก (อังกฤษ: All About Eve) ในปี พ.ศ. 2543 ฮีช็อล, ชีว็อน และคีบ็อม ต่างก็เคยแสดงละครอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะคีบ็อม เขาเคยแสดงละครถึง 4 เรื่อง นับตั้งแต่ซูเปอร์จูเนียร์เปิดตัวต่อสาธารณชนในปี พ.ศ. 2548
ชีว็อน เป็นสมาชิกคนแรกที่มีโอกาสได้รับบทบนจอเงิน ในปี พ.ศ. 2549 กับภาพยนตร์แนวประวัติศาสตร์ ทุนสร้างของฮ่องกง เรื่อง มหาบุรุษกู้แผ่นดิน (อังกฤษ: Battle of Wits) ในบทเหลียงชือ ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ชีว็อนได้มีโอกาสร่วมงานกับนักแสดงชื่อดัง หลิวเต๋อหัวด้วย
ในปี พ.ศ. 2550 ฮีช็อล คังอิน และชินดง ได้ให้เสียงพากย์ในภาพยนตร์แอนิเมชันของฝั่งฮอลลีวู้ดเรื่อง อัลวินกับสหายชิพมังค์จอมซน (อังกฤษ: Alvin and the Chipmunks)
และในปี พ.ศ. 2551 คังอิน มีโอกาสได้รับเล่นภาพยนตร์ของเกาหลีใต้เรื่อง Romantic Comic (Pure Manhwa) ร่วมกับนักแสดงชั้นนำของเกาหลีใต้คนอื่น ๆ เช่น ยู จิ แท และ ลี ย็อน ฮี โดยออกฉายทั่วเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
สมาชิกของซูเปอร์จูเนียร์ (ยกเว้นกยูฮย็อน) ได้ร่วมเล่นในภาพยนตร์เรื่องแรกอย่างเป็นทางการในเรื่อง ปฏิบัติการจู่โจมสาวอีฟสุดฮอต (อังกฤษ: Attack on the Pin-Up Boys หรือ Flower Boys) ซึ่งจัดสร้างโดย เอสเอ็มพิกเจอส์
ปฏิบัติการจู่โจมหนุ่มสุดฮอต ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ในประเทศเกาหลีใต้ ถึงแม้ว่า ตัวภาพยนตร์ได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวก แต่กระนั้น ยอดการขายบัตรเข้าชมกลับไม่เป็นไปตามที่ต้นสังกัดคาดหมายไว้ ถึงแม้ว่าจะทำรายได้ได้ดีในสัปดาห์แรกของการเข้าฉาย โดยนับว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของ เอสเอ็มพิกเจอส์
แต่อย่างไรก็ดี เมื่อฉบับดีวีดีของ ปฏิบัติการจู่โจมหนุ่มสุดฮอต ออกวางจำหน่าย กลับขึ้นแท่นชาร์ตดีวีดีขายดีทั้งในและนอกเกาหลีใต้ โดยสามารถทำรายได้ให้กับ เอสเอ็มพิกเจอส์กว่า 8 พันล้านว็อน
นับตั้งแต่ ซูเปอร์จูเนียร์ เปิดตัวเป็นต้นมา ทางวงได้แบ่งตัวเองออกเป็นกลุ่มย่อยทั้งสิ้น 4 ครั้ง จุดมุ่งหมายของ เอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ ในการแบ่งซูเปอร์จูเนียร์ออกเป็นกลุ่มย่อยก็เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทำกิจกรรมของทางวง ตลอดจนความหลากหลายของแนวเพลง
ซูเปอร์จูเนียร์ เค.อาร์.วาย. (Super Junior K.R.Y.) ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ประกอบไปด้วยสมาชิกสามคนจากซูเปอร์จูเนียร์ได้แก่ คยูฮย็อน, รยออุก และเยซ็อง ซึ่งชื่อของกลุ่ม เค.อาร์.วาย. (K.R.Y.) ก็มาจากชื่อของพวกเขาทั้งสามนั่นเอง โดยกลุ่มนี้ จะมีการเน้นเพลงช้าที่ใช้พลังเสียงและความไพเราะของแต่ละคนได้อย่างยอดเยี่ยมจนโด่งดังไปทั่ว
ซูเปอร์จูเนียร์ เค.อาร์.วาย. ขึ้นแสดงสดเป็นครั้งแรกในรายการ มิวสิก แบงค์'' ทางสถานีเคบีเอสของเกาหลีใต้ พวกเขาทั้งสามได้ร่วมร้องเพลงประกอบละครเรื่อง "Hyena" ทั้งสิ้น 3 เพลงรวมถึงเพลงหลักด้วย นอกจากนี้ ยังได้นำเพลงดังกล่าวเข้าบรรจุในเพลงประกอบละครอีกสองเรื่องคือ "Snow Flower" และ "Billy Jean Look at Me" อีกด้วย
ซูเปอร์จูเนียร์ เค.อาร์.วาย.แตกต่างจากกลุ่มย่อยกลุ่มอื่น ๆ ของซูเปอร์จูเนียร์ เนื่องจากซูเปอร์จูเนียร์ เค.อาร์.วาย. นั้นไม่ได้ออกอัลบั้มหรือซิงเกิลอย่างเป็นทางการ ผลงานที่ออกมาเป็นแค่อัลบั้มเฉพาะกิจและอัลบั้มเพลงประกอบละครแต่เพียงเท่านั้น แต่อย่างไรก็ดี มีการคาดหวังว่า ซูเปอร์จูเนียร์ เค.อาร์.วาย. จะออกซิงเกิลหรืออัลบั้มอีกครั้งในอนาคต
ซูเปอร์จูเนียร์ ที (Super Junior-T) หรือ ซูเปอร์จูเนียร์ ทรอท (Super Junior-Trot) เป็นกลุ่มย่อยอย่างเป็นทางการลำดับที่ 2 ของซูเปอร์จูเนียร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 ประกอบไปด้วยสมาชิกจำนวนจำนวน 6 คนจากซูเปอร์จูเนียร์ ได้แก่ อีทึก (หัวหน้ากลุ่ม), ฮีช็อล, คังอิน, ชินดง, ซ็องมิน และอึนฮย็อก
ซูเปอร์จูเนียร์ ที เกิดขึ้นจากแนวคิดของ เอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ ที่เล็งเห็นว่า แนวดนตรีแบบทรอท อันเป็นแนวเพลงดั้งเดิมและเก่าแก่ของเกาหลีกำลังค่อย ๆ เสื่อมความนิยมลง จึงต้องการให้วงดนตรีรุ่นใหม่รับเอาแนวดนตรีแบบทรอทเข้ามาผสมผสานกับแนวดนตรีแบบใหม่ เช่น โมเดิร์น ป๊อป และแร็ป
เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ก่อนหน้าการเปิดตัวอย่างเป็นทางการสามเดือน ซูเปอร์จูเนียร์ ที ได้ขึ้นแสดงสดเพลง "Don't Go Away" ในงาน M.NET/KM Music Festival ร่วมกับดงแฮ สมาชิกอีกคนของซูเปอร์จูเนียร์ ซึ่งนับเป็นการขึ้นแสดงสดเป็นครั้งแรกของทางกลุ่ม
ซูเปอร์จูเนียร์ ทีได้ปล่อย "Rokkugo!!!" ซิงเกิลแรกอย่างเป็นทางการของทางกลุ่มออกมาทางสถานีวิทยุเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 และหลังจากนั้นไม่นาน ทางกลุ่มได้ออกวางจำหน่ายซีดีซิงเกิล "Rokkugo!!!" ซึ่งสามารถขึ้นสู่จุดสูงสุดของชาร์ตได้ภายใน 3 วันหลังวางจำหน่าย
ซูเปอร์จูเนียร์ ที เปิดตัวอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชน เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 โดยขึ้นแสดงซิงเกิล "Rokkugo!!!" และ "First Impress" ร่วมกับ Bang Shil Yi ซึ่งเป็นศิลปินเพลงเพลงทรอทผู้มีชื่อเสียงของเกาหลีใต้
เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2551 มีการประกาศว่า ซูเปอร์จูเนียร์ ที จะกลับมาพร้อมกับซิงเกิลอย่างเป็นทางการซิงเกิลที่ 2 แต่อย่างไรก็ดี ในภายหลัง ซูเปอร์จูเนียร์ เอช (Super Junior-H) หรือ ซูเปอร์จูเนียร์ แฮปปี้ (Super Junior-Happy) ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยลำดับที่ 4 ของซูเปอร์จูเนียร์ได้ถูกเปิดตัวขึ้นมาแทน ทำให้โครงการ ซูเปอร์จูเนียร์ ทีถูกระงับไว้โดยไม่มีกำหนด
ซูเปอร์จูเนียร์ ที ขึ้นแสดงครั้งสุดท้ายก่อนการเปิดตัวของซูเปอร์จูเนียร์ เอช เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2551ในพิธีเปิดงานเทศกาลดนตรีเกาหลีครั้งที่ 6 ที่นครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
ซูเปอร์จูเนียร์ เอ็ม (อังกฤษ: Super Junior M) เป็นกลุ่มย่อยลำดับที่ 3 ของ'ซูเปอร์จูเนียร์' และนับเป็นกลุ่มดนตรีนานาชาติกลุ่มแรกในอุตสาหกรรมดนตรีของประเทศจีน ที่มีสมาชิกจากทั้งจีนและเกาหลีใต้ ประกอบไปด้วยสมาชิกจาก'ซูเปอร์จูเนียร์'จำนวน 5 คนคือ ฮัน เกิง (หัวหน้ากลุ่ม), ดงแฮ, ชีว็อน, รยออุก และ คยูฮย็อน และสมาชิกนอกวงอีก 2 คน คือ เฮนรี และ โจว มี่
แต่เนื่องจากปัญหาในด้านสัญญากับทางค่ายต้นสังกัด ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสมาชิก อันได้แก่ หาน เกิง ได้ยกเลิกสัญญา และเปลี่ยนแปลงสมาชิกเป็น ซ็องมิน (เป็นหัวหน้ายูนิต), อึนฮย็อก, ดงแฮ, ชีว็อน, รยออุค, คยูฮย็อน และสมาชิกพิเศษจากจีน คือ เฮนรี และ โจว มี่
ซูเปอร์จูเนียร์ แฮปปี้ ( Super Junior-Happy ) หรือ ซูเปอร์จูเนียร์ เอช ( Super Junior-H ) เป็นกลุ่มย่อยลำดับที่ 4 ของซูเปอร์จูเนียร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2551 ประกอบไปด้วยสมาชิกจากซูเปอร์จูเนียร์จำนวน 6 คนคือ อีทึก (หัวหน้ากลุ่ม), เยซ็อง, คังอิน, ชินดง, ซ็องมิน และ อึนฮย็อก โดยยูนิตนี้จะเน้นรูปแบบเพลงแบบสดใสน่ารัก และฟังสบาย อาทิเช่น เพลง Pajama Party ที่ออกแนวสดใสและแสดงออกถึงความน่ารักของสมาชิกอย่างปฏิเสธไม่ได้
หลังจากการประกาศครั้งแรกของเอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ในเรื่องการก่อตั้งกลุ่มย่อย ซูเปอร์จูเนียร์ ไชน่า หรือภายหลังได้เปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็น ซูเปอร์จูเนียร์ เอ็ม ได้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากกลุ่มแฟนคลับที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดดังกล่าว ในเบื้องต้น เว็บไซต์และเครื่อข่ายได้ถูกจัดตั้งขึ้นในชื่อ "เราต้องการ 13 (Only 13)" เพื่อเป็นที่รวบรวม และวางแผนการต่อต้านโครงการดังกล่าว ในช่วงแรก พวกเขามีแนวคิดที่คว่ำบาตรสินค้าทุกชนิดของเอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ดังที่กลุ่มแฟนคลับของ ทงบังชินกี เคยทำในอดีต แต่ในภายหลัง สมาชิกส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการดังกล่าว และเลือกที่จะใช้สันติวิธีแทน โดยกลุ่มแฟนจำนวนหลายร้อยคนได้ไปรวมตัวกันอย่างสงบที่หน้าที่ทำการของเอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ในโซล ประเทศเกาหลีใต้ แล้วชูป้ายเรียกร้องให้เอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ยกเลิกแผนการดังกล่าวเสีย
แต่สถานการณ์กลับยิ่งแย่ลงกว่าเดิม เมื่อภายหลังเอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ซูเปอร์จูเนียร์ นั้นไม่ใช่กลุ่มถาวร ทั้ง ๆ ที่เคยได้ประกาศไว้เมื่อช่วงกลางปี พ.ศ. 2549 ในตอนที่เพิ่มสมาชิกคนที่ 13 กยูฮย็อน ว่าซูเปอร์จูเนียร์จะเป็นกลุ่มถาวร แฟน ๆ นับพันคนได้เขียนจดหมายไปยังผู้บริหารของเอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์เพื่อขอความชัดเจนในเรื่องนี้ แต่กลับไม่ได้รับคำตอบใด ๆ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 กลุ่มแฟนคลับนับพันคน ได้ไปร่วมชุมนุมที่หน้าที่ทำการของเอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ อีกครั้ง ในครั้งนี้ พวกเขาได้ร่วมร้องเพลงหลายเพลงของซูเปอร์จูเนียร์ และตะโกนคำว่า "เราต้องการ 13 (Only 13)" หรือในภาษาเกาหลีเป็นคำว่า ยอล เซ มย็อง
ในที่สุดเอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ได้ออกมาให้คำตอบกับกลุ่มแฟนคลับว่า ศิลปินภายนอกนั้นจะถูกเข้าไปในกลุ่มซูเปอร์จูเนียร์ เอ็ม แต่จะไม่ถูกเพิ่มเข้าไปในกลุ่มหลัก อย่างไรก็ดี ก็ยังมีแฟนคลับจำนวนหนึ่งยังคงปักใจเชื่อว่า มีความเป็นไปได้ในอนาคตที่จะได้เห็นสมาชิกคนใหม่ของซูเปอร์จูเนียร์ และเมื่อมีข่าวรั่วออกมาอีกว่า จะมีการเพิ่มโจว มี่ สมาชิกภายนอกเข้าไปกลุ่มซูเปอร์จูเนียร์ เอ็ม เหล่าแฟนคลับได้ตัดสินร่วมกันลงทุนซื้อหุ้นของบริษัทเอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์โดยในวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2551 มีรายงานว่ากลุ่มแฟนคลับได้ซื้อหุ้นเป็นจำนวนกว่า 58,206 หุ้น โดยคิดเป็น 0.3% ของหุ้นทั้งหมด และพวกเขาได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าจะทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งแผนการเพิ่มสมาชิกเข้าไปในซูเปอร์จูเนียร์ให้จงได้
เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2550 เวลาราว 00.20 น. สมาชิกในวงซูเปอร์จูเนียร์ ประกอบด้วย อีทึก อึนฮย็อก ชินดง คยูฮย็อน และผู้จัดการวงได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างเดินทางกลับมาจากการอัดรายการวิทยุ "Kiss The Radio" บนทางด่วน ใกล้แยกบริเวณสะพานทงจัก (Dongjak Bridge) โดยคนขับได้สูญเสียการควบคุมเครื่องยนต์ ก่อนที่รถจะเสียหลัก และพุ่งชนข้างถนน
คยูฮย็อน ผู้ซึ่งนั่งอยู่ข้างคนขับนั้นมีอาการบาดเจ็บมากที่สุด เพราะกระดูกซี่โครงขวาหักทะลุปอดเลือดไหลไม่หยุด กระดูกเชิงกรานและข้อเท้าหัก ซึ่งจะต้องเข้าตรวจรักษาอย่างใกล้ชิด อีทึกนั้นมีบาดแผลที่ใบหน้าหลายแห่งซึ่งต้องการเย็บกว่า 170 เข็ม ในขณะที่ชินดง และอึนฮย็อก มีอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยจากการบาดของเศษกระจกที่แตกเท่านั้น และสามารถออกจากโรงพยาบาลในวันที่ 23 เมษายน ต่อมา อีทึกและคยูฮย็อน นั้นฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บเร็วกว่าที่คาดไว้ โดยอีทึกออกจากโรงพยาบาลในวันที่ 30 เมษายน ส่วนคยูฮย็อนนั้นต้องรออีกกว่า 2 เดือน โดยออกจากโรงพยาบาลในวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 และต้องพักรักษาร่างกายต่อ ก่อนจะกลับมาทำงานต่อได้ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2550