จังหวัดชิงะ (ญี่ปุ่น: ??? Shiga-ken ?) เป็นจังหวัดในประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่บริเวณภาคคันไซ มีเมืองหลวงอยู่ที่เมืองโอสึ มีขนาดพื้นที่ทั้งสิ้น 4,017.36 ตารางกิโลเมตร
ในสมัยก่อน ชิงะ เป็นที่รู้จักกันในชื่อ มณฑลโอมิ หรือโกชู ก่อนที่จะมีการใช้ระบบการบริหารราชการแบบแบ่งจังหวัดขึ้น มณฑลโอมิเป็นเพื่อนบ้านกับนะระ และเคียวโตะ เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างญี่ปุ่นตะวันตกและตะวันออก ในช่วง ค.ศ. 667 ถึง ค.ศ.672 นั้น จักรพรรดิเทนจิทรงสร้างพระราชวังที่โอสึ จากนั้น ในปี ค.ศ.742 จักรพรรดิโชมุทรงสร้างพระราชวังที่ชิงะระกิ ในช่วงต้นของยุคเฮอัน พระภิกษุไชโชเติบโตขึ้นที่โอสึและได้สร้างวัดเอ็นเรียะคุ เป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนานิกายมหายานแบบเทนได และได้ปัจจุบันได้เป็นหนึ่งในมรดกโลกพร้อมกับสถานที่ทางประวัติศาสตร์อีกหลายแห่งในเคียวโตะ
ในยุคกลางนั้น มณฑลโอมิถูกปกครองจากตระกูลซะซะกิ ตามด้วยตระกูลรกกะกุ ตระกูลเคียวโงกุ และตระกูลอะไซ จากนั้นในทศวรรษ 1570 โอะดะ โนะบุนะงะได้เข้ายึดโอมิและสร้างปราสาทอะซุจิขึ้นที่ริมทะเลสาบบิวะฝั่งตะวันออกเมื่อปี ค.ศ. 1579 หลังจากนั้นมณฑลโอมิก็มีไดเมียวปกครองหลายคน และในสมัยนั้น ยังมีนินจาอยู่ที่แถบนี้มากด้วย
ในปี ค.ศ. 1600 อิชิดะ มิสึนะริ กำเนิดขึ้นที่ทางตะวันออกของนะงะฮะมะและได้สร้างปราสาทซะวะยะมะ เพื่อใช้ในการสงครามต้านทัพของโทะกุงะวะ อิเอะยะสุในจังหวัดกิฟุ หลังจากศึกในครั้งนั้น อิเอะยะสุได้ให้อี นะโอะมะสะ เป็นผู้ครองปราสาทซะวะยะมะคนใหม่ นะโอะมะสะปกครองแคว้นฮิโกะเนะ ซึ่งมีชื่อเสียงในยุคของอี นะโอะซุเกะ เมื่ออี นะโอะซุเกะได้เข้าไปรับใช้รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ ก็ได้เป็นผู้ทำสนธิสัญญาทางการค้ากับประเทศตะวันตกและยุติการปิดประเทศญี่ปุ่นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19
เมื่อมีการยกเลิกระบบศักดินาในญี่ปุ่น มณฑลโอมิก็ถูกแบ่งเป็น 8 จังหวัด หลังจากนั้นก็ถูกรวมเข้าเป็นจังหวัดเดียวเป็นจังหวัดชิงะเมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 1872
จังหวัดชิงะมีอาณาเขตติดกับจังหวัดฟุกุอิทางทิศเหนือ จังหวัดกิฟุทางทิศตะวันออก จังหวัดมิเอะทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และจังหวัดเกียวโตทางทิศตะวันตก มีทะเลสาบบิวะตั้งอยู่ตอนกลางของจังหวัด มีภูเขาฮิระ และยอดเขาฮิเอทางทิศตะวันตก ภูเขาอิบุกิทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ภูเขาซุซุกะทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทางทิศเหนือมีสภาพภูมิอากาศหนาวเย็นกว่าทางใต้ที่มีอากาศอบอุ่น
ทะเลสาบบิวะ เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น แบ่งออกเป็น 4 พื้นที่หลักๆคือ โคะโฮะกุ (?? ทะเลสาบตอนเหนือ) โคะเซ (?? ทะเลสาบตะวันตก) โคะโต (? ทะเลสาบตะวันออก) และ โคะนัน (?? ทะเลสาบทางใต้)
ในการสำรวจเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 2008 พื้นที่ร้อยละ 37 ถูกกำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อัตราส่วนที่สูงที่สุดของทุกจังหวัดในญี่ปุ่น)
จังหวัดชิงะมีพื้นที่ 1 ใน 6 เป็นพื้นที่เกษตรกรรม โดยมีการปลูกข้าวกว่าร้อยละ 90 ของพื้นที่การเกษตรและเป็นสินค้าหลัก นาข้าวมีขนาดค่อนข้างเล็กและสร้างรายได้ค่อนข้างน้อย ชาวนาส่วนใหญ่มักจะอาศัยรายได้จากแหล่งอื่น ทางตะวันออกของจังหวัดชิงะมีชื่อเสียงในเรื่องของปราสาทต่างๆและทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดเป็นแหล่งปลูกชาเขียวที่มีชื่อเสียง ส่วนทะเลสาบบิวะนั้นก็เป็นแหล่งประมงที่สำคัญของจังหวัด
ในยุคกลาง โดยเฉพาะยุคเอะโดะนั้น ประชาชนชาวจังหวัดชิงะมีอาชีพค้าขายเป็นหลัก และพ่อค้าโอมิ (???? โอมิโชนิน) ก็มีชื่อเสียงอย่างมาก บริษัทใหญ่หลายๆบริษัทอย่าง นิปปงไลฟ์ อิโตะชุ มะรุเบะนิ ทะกะชิมะยะ วาโกล์ และยันมาร์ก็ถูกก่อตั้งขึ้นโดยชาวชิงะ
เมื่อเข้าสู่ช่วงทศวรรษที่ 1960 จังหวัดชิงะเริ่มพัฒนาเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม มีโรงงานขนาดใหญ่ตั้งอยู่มากมาย เช่น ไอบีเอ็มเจแปน แคนอน ยันมาร์ดีเซล มิตสึบิชิ และโทเรย์ จนเติบโตขึ้นมาเป็นอุตสาหกรรมที่ทำรายได้เป็นอันดับสองของชิงะที่ตัวเลข 44.8 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอุตสาหกรรมดั้งเดิมอย่างสิ่งทอ เครื่องปั้น ยา และพัดก็ยังมีการผลิตจากจังหวัดนี้อยู่เช่นกัน
ประชากรของจังหวัดชิงะอาศัยอยู่กันหนาแน่นที่ริมฝั่งทะเลสาบบิวะทางตอนใต้ โดยมีเมืองโอสึเป็นเมืองหลวง ส่วนเมืองทางตะวันออกอย่างคุซะสึและโมะริยะมะก็ยังอยู่ในระยะที่เดินทางสัญจรไปกลับเคียวโตะได้สะดวก ส่วนฝั่งตะวันตกและทิศเหนือของทะเลสาบนั้นเป็นพื้นที่ชนบท มีรีสอร์ทและหาดทรายสีขาวอยู่มากมาย
ในช่วงปีหลังๆนี้ ชาวบราซิลได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานและทำงานในโรงงานหลายแห่งในจังหวัดชิงะ นับเป็นประชากรที่มีอัตราส่วนสูงที่สุดในกลุ่มชาวต่างประเทศ คือ ร้อยละ 36 จากการสำรวจเมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 2010
ทางตอนเหนือของเมืองนะงะฮะมะ มีเมืองเล็กชื่อ เมืองบิวะ เป็นสถานที่ตั้งของโรงละครหุ่นบุนระกุที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นเช่นเดียวกับที่โอซะกะ
นอกจากจะมีพิพิธภัณฑ์แหลายแห่งแล้ว บริเวณเมืองโคกะ ก็มีบ้านนินจาที่ปัจจุบันรักษาเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม
ชาวชิงะรับประทานปลาจากทะเลสาบบิวะมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว อาหารที่มีชื่อเสียงของจังหวัดชิงะคือซูชิปลาไนหมัก (??? ) เป็นซูชิแบบดั้งเดิมที่มีกลิ่นฉุน นอกจากนี้ ชิงะยังขึ้นชื่อในเรื่องของเนื้อโอมิ โดยย่านฮิโกะเนะเคยมีเนื้อที่ถูกนำไปเป็นอาหารบำรุงสุขภาพของโชกุน
นอกจากนี้ ทางตอนเหนือของชิงะก็ชื่อเสียงในเรื่องสึเกะโมะโนะจากรากพืช เมืองนะงะฮะมะก็ขึ้นชื่อเรื่องของบะหมี่โซเมงใส่ปลาแมกเคอเรลย่าง และฮิโกะเนะก็มีบะหมี่จัมปงที่มีชื่อเสียง
ชิงะมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย แต่ยังถือว่าเป็นรองเพื่อนบ้านอย่างเคียวโตะอยู่พอสมควร จังหวัดชิงะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนประมาณ 65,000 คนในปี ค.ศ. 2000 ขณะที่ทั้งประเทศมีนักท่องเที่ยวมาเยือน 4 ล้านคน
สถานีรถไฟหลักของชิงะคือ สถานีไมบะระ ทางตอนเหนือของจังหวัด และสถานีโอสึ ทางตอนใต้ของจังหวัด นักท่องเที่ยสามารถเดินทางไปยังสถานีโอสึได้จากเคียวโตะและโอซะกะได้อย่างสะดวกสบายด้วยรถไฟความเร็วสูง
สถานที่ที่สำคัญที่สุดของจังหวัดชิงะคือทะเลสาบบิวะ โดยทางตอนเหนือเป็นจุดชมวิวของทะเลสาบที่สวยงาม มีจัดชมดอกซะกุระบานที่มีชื่อเสียงในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ส่วนทางตะวันตกของทะเลสาบมีหาดทรายสีขาว นักท่องเที่ยวนิยมมาท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน ส่วนทางตอนใต้หรือเมืองรอบๆโอสึนั้นเป็นสถานที่สวยงามที่ฮิโระชิเงะ นักวาดภาพโบราณของญี่ปุ่นได้มาวาดภาพอุกิโยะที่มีชื่อเสียง ปัจจุบัน ทิวทัศน์ในภาพวาดได้เปลี่ยนไปแล้วจากความเจริญของเมือง หลงเหลือไว้เพียงแต่วัดมังเงสึ หรือวัดลอยน้ำทางตอนเหนือของโอสึ
ทะเลสาบบิวะล้อมรอบด้วยภูเขาที่สวยงามมากมาย มีภูเขาฮิระที่เป็นสถานที่ปิกนิกที่ได้รับความนิยม ถนนโอคุบิวะโกะเป็นถนนที่มีชื่อเสียงของทะเลสาบตอนเหนือ ส่วนทางตอนใต้นั้น เต็มไปด้วยโรงแรมและสถานที่พักตากอากาศชมทิวทัศน์ทะเลสาบ ทั้งจากชายฝั่งและด้วยการล่องเรือ
นอกจากชิงะจะมีธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ยังมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย โดยในขังหวัดชิงะมีสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติอยู่มากถึง 807 แห่ง สถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือปราสาทฮิโกะเนะ ปราสาทสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ ปัจจุบันหอคอยของปราสาทยังได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ส่วนเมืองใกล้ๆอย่างนะงะฮะมะก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ นอกจากนี้ ยังมีศาลเจ้าฮิโยะชิและศาลเจ้าทะงะที่มีชื่อเสียงอีกเช่นกัน
ในบางช่วงของปีจะมีเทศกาลที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างเทศกาลแห่เรือฮิกิยะมะ ที่จะจัดขึ้น 10 แห่งในเมืองนะงะฮะมะ โอสึ ไมบะระ ฮิโนะ และมินะกุจิ โดยเทศกาลล่องเรือที่นะงะฮะมะในเดือนเมษายน จัดเป็นเทศกาลล่องเรือที่ใหญ่ที่สุดติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่น ส่วนเมืองฮิงะชิโอมิก็ยังจัดเทศกาลว่าวเป็นประจำในเดือนพฤษภาคมของทุกปีริมฝั่งแม่น้ำ