สมเด็จพระจักรพรรดิควางมู (เกาหลี:???, ???) หรือ พระเจ้าโกจง (เกาหลี: ?? ??? , ฮันจา:?????, อังกฤษ: Gojong of Korea) (25 กรกฎาคม พ.ศ. 2395–21 มกราคม พ.ศ. 2462) เป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรโชซอน ลำดับที่ 26 และสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเกาหลีพระองค์แรก
พระเจ้าโกจง เป็นพระโอรสพระองค์ที่สองในเจ้าชายแทวอนฮึงซอน กับเจ้าหญิงโยฮุง มีพระนามเดิมว่า ลี มยองบอก (??? ??? Yi Myeong-bok)
ปี พ.ศ. 2407 เมื่อพระเจ้าชอลจง พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 25 แห่งราชอาณาจักรโชซอนสรรคตโดยที่ยังมิได้แต่งตั้งรัชทายาทสืบราชบัลลังก์ เนื่องจากพระองค์ไม่มีพระราชโอรสสายพระโลหิตของพระองค์เอง ดังนั้น สิทธิในการสืบราชบัลลังก์จึงต้องตกเป็นของเชื้อพระวงศ์ลำดับถัดไป ซึ่งในช่วงเวลานั้นอำนาจในราชสำนักทั้งหมดตกอยู่ในสาย ตระกูลคิมแห่งเมืองอันดง เสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งตระกูลคิมนี้เป็นสายตระกูลเดิมของพระมเหสีโชริน (พระมเหสีของพระเจ้าชอลจง) เมื่อสิ้นรัชสมัย ขุนนางฝ่ายอื่นๆ โดยเฉพาะตระกูลโจ (ตระกูลของพระเจ้ายองโจ พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 20 แห่งราชอาณาจักรโชซอน) จึงได้พยายามลิดรอนอำนาจของฝ่ายตระกูลคิมลง โดยได้ร่วมมือกับเชื้อพระวงศ์ในราชตระกูลลีพระองค์หนึ่งคือ องค์ชาย ลี แฮอุง จนสามารถแย่งชิงตราพระมหากษัตริย์มาไว้ในครอบครองได้ จึงถือสิทธิในการสรรหาผู้สืบราชบัลลังก์กษัตริย์เอง โดยฝ่ายตระกูลโจและองค์ชาย ลี แฮอุง ได้เลือกโอรสขององค์ชายลี แฮอุงขึ้นครองราชย์ โดยองค์ชายนี้มีพระนามว่า ลี เมียงบอก ซึ่งในขณะนั้นมีพระชนมายุเพียง 12 พรรษา โดยมีองค์ชาย ลีแฮอุง เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เมื่อองค์ชาย ลี เมียงบอค ชึ้นสืบราชบัลลังก์เองได้แล้วจึงได้ทรงพระนามว่า พระเจ้าโกจง ส่วนองค์ชาย ลีแฮอุง ผู้เป็นพระบิดาเมื่อขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ก็จึงดำรงพระยศเป็นองค์ชายแดวอน
ประวัติศาสตร์ของเกาหลีในช่วงรัชสมัยของพระเจ้าโกจงนี้เอง เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของประเทศเกาหลี หลังจากที่ตระกูลโจขึ้นมามีอำนาจแทน ก็ได้ร่วมมือกับองค์ชายแดวอน ปฏิรูปกฎและระเบียบต่างๆ ภายในราชสำนักเสียใหม่และสิ่งที่แน่นอนก็คือการล้มล้างกลุ่มอำนาจเก่าของตระกูลคิมแห่งเมืองอันดงที่เคยมีอย่างมากล้นในสมัยพระเจ้าชอลจงออกไปทั้งหมดด้วย การคอรัปชั่นเบียดบังเงินหลวงที่ฝังรากลึกในราชสำนักมาอย่างยาวนาน จึงเป็นข้ออ้างสำคัญในการกำจัดกลุ่มอำนาจเก่าครั้งนี้ ซึ่งก็เป็นข้ออ้างที่ตรงใจประชาชนอย่างมาก ที่ประชาชนไม่พอใจกดขี่ข่มเหงของขุนนางซึ่งสะสมมายาวนาน และเป็นนิมิตหมายอันดีที่กลุ่มอำนาจใหม่จะซักฟอกระบบที่ไม่เป็นธรรมนี้เสีย
อย่างไรก็ตาม เมื่อกลุ่มอำนาจใหม่นี้ขึ้นมามีอำนาจโดยสมบูรณ์กลับไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย ในความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน กลุ่มอำนาจใหม่นี้กลับอาศัยช่องทางเบียดบังทรัพย์สินหนักขึ้นไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่พระเจ้าโกจงยังทรงพระเยาว์ และสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือการตั้งงบประมาณจำนวนมหาศาลสำหรับการปฏิรูประบบกองทัพและความมั่นคงของประเทศ ทั้งๆ ที่ไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างเป็นรูปเป็นธรรม โดยข้ออ้างที่กลุ่มอำนาจใหม่ต้องการปฏิรูประบบกองทัพและยุทโธปกรณ์ให้เป็นไปตามยุคสมัยมากขึ้น จึงได้จัดการกับวิธีเก็บภาษีใหม่ และนำพระราชทรัพย์จากพระคลังมาใช้จ่าย แต่กลับเป็นการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยเพื่อให้เหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์ได้อยู่อย่างหรูหราสุขสบายเท่านั้น ซึ่งจากจุดนี้เองที่เริ่มนำพาประเทศเกาหลีเข้าสู่กับดักของศัตรูที่กำลังคิดจู่โจม
เมื่อพระเจ้าโกจงทรงเจริญพระชนมพรรษาจนสามารถบริหารราชการแผ่นดินด้วยพระองค์เองได้แล้ว องค์ชายแดวอน จึงต้องลงจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ ในช่วงนี้พระมเหสีมิน จึงเข้ามาบริหารบ้านเมืองแทนซึ่งพระนางทรงงานได้ดี จนเหล่าขุนนางเริ่มไม่ไว้วางใจ พระนางทรงต่อต้านการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยในราชสำนักเพื่อให้ราชนิกุลและราชวงศ์อยู่อย่างสุขสบายจนเป็นต้นเหตุแห่งการทุจริตให้ขุนนางยักยอกเงินหลวง ซึ่งเป็นสิ่งที่ขุนนางได้ปฏิบัติมายาวนานทุกยุคทุกสมัยจนเป็นเชื้อร้าย ในขณะนี้ราษฎรภายนอกอยู่อย่างอดอยาก ซึ่งพระราชวังเองก็กลายเป็นตัวอย่างให้กับคนภายนอกตามอย่างในการเบียดบังและฉ้อโกงเงินทองกันอย่างเป็นเอิกเกริก และทำให้เกิด ข้อพิพาทระหว่างมเหสีมินและองค์ชายแดวอน ขึ้นและเป็นสงครามการเมืองที่ยาวนานมากในประวัติศาสตร์เกาหลี
ภายหลังจากพระมเหสีมินจายองสิ้นพระชนม์ด้วยการบุกลอบปลงพระชนม์โดยทหารจักรวรรดิญี่ปุ่นในพระตำหนักของพระนางภายในพระราชวังเคียงบก พระเจ้าโกจง ทรงเศร้าโศกโทมนัสอย่างยิ่ง พระองค์ทรงลี้ภัยเข้าไปอยู่ในสถานทูตรัสเซีย และทรงเก็บตัวอยู่แต่ในห้องโดยไม่พบปะใคร ซึ่งจากนั้นเป็นต้นมาพระองค์ก็อยู่ความอารักขาของจักรวรรดิรัสเซีย ที่พยายามเข้ามามีบทบาทเพื่อคานอำนาจจักรวรรดิญี่ปุ่นที่นับวันจะยิ่งเข้มแข็งมากขึ้น
เมื่อจักรวรรดิญี่ปุ่นได้รับชัยชนะในสงครามกับจักรวรรดิชิง (ราชวงศ์ชิงของจีน) ซึ่งได้ยึดดินแดนส่วนคาบสมุทรเหลียวตงหรือทางตอนเหนือของราชอาณาจักรโชซอน ทำให้จักรวรรดิรัสเซียเริ่มหวาดระแวงในอำนาจของจักรวรรดิญี่ปุ่นด้วยเกรงว่าจะมายึดโชซอนไปโดยง่ายและทำให้การขยายอิทธิพลของรัสเซียยากเย็นมากขึ้น รัสเซียจึงต้องการช่วยเหลือโชซอนโดยรับรองความปลอดภัยของพระเจ้าโกจงและช่วยให้พระองค์กลับสู่โชซอนโดยปลอดภัยเมื่อปี ค.ศ. 1897 และยังช่วยวางแผนให้พระองค์ยกสถานะของราชอาณาจักรโชซอน เป็นจักรวรรดิเกาหลี โดยมีพระองค์เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์แรก ซึ่งพระองค์ทรงเรียกพระองค์เองว่า สมเด็จพระจักรพรรดิควางมูแห่งจักรวรรดิเกาหลี รวมทั้งสถาปนาพระอิสริยยศให้พระมเหสีผู้ล่วงลับ (พระมเหสีมินจายอง) เป็น สมเด็จพระจักรพรรดินีเมียงซองแห่งจักรวรรดิเกาหลี อีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อการจัดระเบียบของประเทศใหม่และเป็นเกมการเมืองที่รัสเซียทำขึ้นเพื่อเป็นกำแพงต้านอำนาจญี่ปุ่น ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับญี่ปุ่นอย่างมาก
จนในที่สุดจักรวรรดิญี่ปุ่นก็แสดงความกระหายอำนาจที่จะยึดจักรวรรดิเกาหลีอย่างชัดเจนในปี ค.ศ. 1904 โดยประกาศสงครามกับจักรวรรดิรัสเซีย หลังสงครามครั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายชนะและได้ขับไล่รัสเซียไปจากจักรวรรดิเกาหลี และจักรวรรดิเกาหลีจึงต้องยอมมาเป็นประเทศในอารักขาจักรวรรดิญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1905 ด้วยเหตุนี้ สมเด็จพระจักรพรรดิควางมูจึงไม่สามารถทำอะไรได้เลย พระองค์ทรงถูกบีบคั้นในทุกด้าน จนในที่สุด องค์ชายแดวอน จึงสมรู้ร่วมคิดกับญี่ปุ่นขึ้นมามีอำนาจแทนเพื่อรวบอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ การบีบคั้นต่อพระองค์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนพระองค์อาศัยเวทีประชุมสันติภาพโลกที่จัดขึ้นที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นการประจานถึงสิ่งต่างๆ ที่จักรวรรดิญี่ปุ่นได้ทำไว้กับจักรวรรดิเกาหลีให้ชาวโลกได้รู้ และเมื่อข่าวแพร่ออกไป จักรวรรดิญี่ปุ่นถือเป็นเรื่องขายหน้ามาก จึงได้บีบบังคับให้สมเด็จพระจักรพรรดิควางมูสละราชบัลลังก์ แล้วให้โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทนเป็น สมเด็จพระจักรพรรดิซุนจง แต่พระองค์ก็เป็นเพียงสมเด็จพระจักรพรรดิในนามเท่านั้น ไม่มีพระราชอำนาจใดๆ เพราะอำนาจต่างๆ ตกอยู่ในมือของผู้สำเร็จราชการชาวญี่ปุ่นและองค์ชายแทวอนคนทรยศไปจนหมดสิ้น การที่จักรวรรดิญี่ปุ่นให้ขึ้นครองราชย์ก็เพื่อเป็นหุ่นเชิดรอเวลาที่จะกลืนเกาหลีได้โดยสมบูรณ์เท่านั้นซึ่งก็เป็นเช่นนั้น
ในอีก 2 ปีต่อมาในปี ค.ศ. 1910 สมเด็จพระจักรพรรดิซุนจงแห่งจักรวรรดิเกาหลี (พระเจ้าซุนจง) ได้ต้องถูกถอดออกจากตำแหน่งสมเด็จพระจักรพรรดิโดยดำรงพระอิสริยยศเพียงกษัตริย์เท่านั้น และจักรวรรดิญี่ปุ่นก็ได้ล้มล้างสถาบันจักรพรรดิของเกาหลีลงในปีเดียวกัน โดยผนวกเข้าเป็นมณฑลหนึ่งของญี่ปุ่นและควบคุมเชื้อสายราชวงศ์ลีทั้งหมดไปไว้ที่ญี่ปุ่น เพื่อเป็นตัวประกันไม่ให้สามารถคืนสู่อำนาจได้อีก เกาหลีจึงปิดฉากยุคสมัยจักรวรรดิรวมทั้งยุคสมัยแห่งราชวงศ์อันยาวนานกว่า 2,000 ปี
(โอรสขององค์ชายนัมยองซึ่งเป็นโอรสบุญธรรมขององค์ชายอึนชินซึ่งเป็นโอรสขององค์ชายซาโดซึ่งเป็นโอรสของพระเจ้ายองโจ)
อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/จักรพรรดิควางมูแห่งเกาหลี