คำให้การชาวกรุงเก่า เป็นหนังสือพงศาวดารบอกเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ไทยโดยเฉพาะช่วงอาณาจักรอยุธยา ตั้งแต่ก่อตั้งอาณาจักร จนกระทั่งเสียแก่พม่าในปี พ.ศ. 2310 นับเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกเล่มหนึ่งของไทย
คำให้การชาวกรุงเก่า หอพระสมุดวชิรญาณได้ต้นฉบับมาจากประเทศพม่า เมื่อปี พ.ศ. 2454 ซึ่งเป็นช่วงที่พม่าตกเป็นเมืองขึ้นของจักรวรรดิอังกฤษ โดยเชื่อว่าต้นฉบับดั้งเดิมเป็นคำให้การเป็นภาษามอญและได้แปลเป็นภาษาพม่าอีกทอดหนึ่งจากบรรดาเชลยศึกชาวอยุธยาที่ถูกกวาดต้อนไปยังพระนครอังวะภายหลังเสียกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2310 แล้วแปลเป็นภาษาไทยเสร็จในปี พ.ศ. 2455 โดยโรงพิมพ์หมอสมิธ (แซมมวล เจ .สมิธ)
ซึ่งคำให้การชาวกรุงเก่านี้ มีความละม้ายคล้ายคลึงกับพงศาวดารอีกฉบับหนึ่งที่เป็นภาษามอญอีกเช่นกัน ที่มีชื่อว่า "คำให้การขุนหลวงหาวัด" ซึ่งเชื่อว่าเป็นคำให้การของสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร หรือ "ขุนหลวงหาวัด" (ถูกแปลเป็นภาษาไทย โดย กรมหลวงวงศาธิราชสนิท) ที่ถูกกวาดต้อนไปยังพระนครอังวะ ภายหลังเสียกรุงศรีอยุธยา และเมื่อพิมพ์แล้วเสร็จ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงวิจารณ์และทรงให้ชื่อหนังสือว่า คำให้การชาวกรุงเก่า แทนที่จะเป็น คำให้การขุนหลวงหาวัด เนื่องจากทรงเห็นว่า เป็นคำให้การของบุคคลหลายคน มิใช่แต่เพียงคน ๆ เดียว
ในปัจจุบัน คำให้การชาวกรุงเก่า ได้ถูกตีพิมพ์อีกครั้งเมื่อกลางปี พ.ศ. 2544 โดยสำนักพิมพ์จดหมายเหตุ ราคาจำหน่ายเล่มละ 270 บาท และได้ตีพิมพ์ใหม่หลังจากนั้นอีกหลายครั้ง
คำให้การชาวกรุงเก่า มีเนื้อหาแบ่งเป็น 3 ภาคใหญ่ ๆ โดยตอนแรกว่าด้วยพงศาวดารที่เป็นนิทาน ตำนานและความเชื่อที่บอกเล่าต่อมากันมาของการกำเนิดอาณาจักรอยุธยา นับตั้งแต่ พระพุทธเจ้าได้เสด็จมายังเขาปัถวี และได้ทรงมีพุทธทำนาย ถึงความเจริญรุ่งเรืองของอาณาบริเวณนี้ต่อไปในอนาคต อีกทั้งยังได้ทรงแสดงปาฏิหาริย์ ทรงฉายรูปของพระองค์ประดับไว้ยังหน้าผาแห่งนั้น เรียกกันว่า พระฉาย และทรงประทับรอยพระพุทธบาท ไว้เหนือยอดเขาสุวรรณบรรพด้วย
จากนั้นก็เป็นเรื่องราวของกษัตริย์พระองค์ต่าง ๆ ทั้งในตำนานและมีพระองค์จริง โดยมีทั้ง พงศาวดารเขมร, เจ้าฟ้ารั่ว รวมถึงเรื่องพระเจ้าสายน้ำผึ้งด้วย จนถึงการเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่า ในปี พ.ศ. 2310
ภาคที่ 2 เป็นดรรชีรายชื่อของลำดับกษัตริย์ ตำนานความเชื่อต่าง ๆ แต่ครั้งโบราณ ชื่อเมือง ชื่อเจดีย์ ชื่อพระราชวัง ชื่อยศขุนนาง ชื่อช้างต้น ชื่อเรือพระที่นั่ง ชื่อรถพระที่นั่ง เป็นต้น และตอนสุดท้ายเป็น การบันทึกถึงพระราชประเพณี 12 เดือน และพระราชประเพณีต่าง ๆ ในสมัยอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา
พระนามของพระมหากษัตริย์ในคำให้การชาวกรุงเก่า บางพระองค์จะมีเรียกแตกต่างไปจากที่รับรู้โดยทั่วไป ดังนี้