ครัวซ็อง (ฝรั่งเศส: croissant, ออกเสียง: /k?wa.s??/) ครัวซ็องเป็นขนมที่มีส่วนผสมของเนย หรือเป็นที่รู้จักกันดีในขนมปังรูปจันทร์เสี้ยว ครัวซ็องและขนมอบประเภทนี้มีการนำแป้งมาม้วนเป็นชั้นๆก่อนเข้าตู้อบ ส่วนผสมในชั้นของแป้งที่มีส่วนผสมของเนยถูกม้วนและพับไปมาจนกลายเป็นรูปร่างของขนมครัวซ็องในลักษณะเป็นแผ่นบางๆซ้อนกัน และมีลักษณะเป็นแผ่นเกล็ดเล็กๆหลังจากการเข้าตู้อบแล้ว ขนมรูปจันทร์เสี้ยวเกิดขึ้นในสมัยของช่วงยุคกลาง และเค้กต่างๆในรูปจันทร์เสี้ยวนั้นมีมาตั้งแต่สมัยก่อนหน้านี้
ครัวซ็องนั้นกลายมาเป็นอาหารหลักตามร้านขนมต่างๆของประเทศฝรั่งเศส ในปลายทศวรรษปีค.ศ.1970 มีการพัฒนารูปแบบโรงงานการผลิตอาหารแช่แข็ง โดยนำส่วนผสมต่างๆของแป้งที่พร้อมอบ แปลงสภาพเป็นอาหารที่สามารถเตรียมได้อย่างสะดวกรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องมีทักษะทำอาหาร ขนมครัวซ็องจากประเทศฝรั่งเศส เป็นขนมอีกอย่างที่สามารถตอบโจทย์ในรูปแบบอาหารจานด่วนของประเทศอเมริกาอย่างเห็นได้ชัด ในปัจจุบันนี้ครัวซ็องจำนวน 30-40% ที่ขายตามร้านขนมในประเทศฝรั่งเศสมาจากการแช่แข็งก่อนนำไปอบ และยังได้รับความนิยมในการรับประทานอาหารเช้าจนถึงทุกวันนี้
ในศตวรรษที่ 13 ได้มีการถูกบันทึกว่า Kipferl ต้นตำหรับของขนมครัวซ็องมีหลายหลายรูปแบบ ขนมชนิดนี้อาจมีส่วนผสมของแป้งเปล่าๆหรือมีส่วนผสมของถั่วหรืออื่นๆด้วย ขนมครัวซ็องเกิดขึ้นจากการดัดแปลงของขนม Kipferl ก่อนมีการคิดค้นขนม Viennoiserie ขึ้นในปลายปีค.ศ. 1839 (บางแห่งอ้างว่า 1838) เมื่อทหารชาวออสเตรีย August Zang เปิดร้านขนมเวียนนาในกรุงปารีส ขนมร้านนี้มีความพิเศษของสูตรแบบฉบับจากเมืองเวียนนาเช่นขนม Kipferl และ ขนมปังแถวจากเวียนนา ได้รับความนิยมจนเป็นแรงบันดาลใจเกิดขึ้นให้ชาวฝรั่งเศสนำมาเลียนแบบตาม และขนม Kipferl ในแบบฉบับของฝรั่งเศสที่ถูกเรียกตามรูปร่างของจันทร์เสี้ยว มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจึงทำให้กลายเป็นที่รู้จักไปยังทั่วโลก ปัจจุบันนี้ Alan Davidson บรรณาธิการหนังสือ Oxford Companion to Food ยังไม่สามารถค้นพบสูตรของขนมครัวซ็องในตำราสูตรขนมของฝรังเศษก่อนศตวรรษที่ 20 ได้ แหล่งที่มาที่ถูกค้นพบแรกสุดในฝรั่งเศสถูกอ้างอิงมาจากหัวข้อ "fantasy or luxury breads" จากหนังสือของ Payen's Des substances alimentaires ปี ค.ศ.1853 อย่างไรก็ตามสูตรต้นตำหรับของครัวซ็องในรูปแบบแรกเริ่มถูกค้นพบในช่วงศตวรรษที่ 19 ซึ่งมีแหล่งอ้างอิงที่หนึ่งได้อ้างถึงการกำเนิดของครัวซ็องในฝรั่งเศสไว้เมื่อประมาณปีค.ศ. 1850 ในปีค.ศ.1848 Zang นายทหารชาวออสเตรียได้เดินทางกลับเพื่อไปทำงานด้านสื่อในประเทศแต่ร้านขนมของเขายังคงได้รับความนิยมเป็นที่กล่าวขานตามสื่อต่างๆอีกด้วย ในปีค.ศ.1869 ครัวซ็องกลายเป็นที่รู้จักเมื่อเอ่ยถึงอาหารเช้าและในปีค.ศ.1872 Charles Dickens ได้เอ่ยถึงครัวซ็องเป็นอาหารบนโต๊ะอาหารเช้าอีกด้วย เทคนิคการอบขนมในแบบปัจจุบันของการทำครัวซ็องได้ถูกกล่าวถึงในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 เมื่อ La Varenne's Le Cuisinier fran?ois ได้คิดค้นสูตรขึ้นในปีค.ศ. 1680 หรือก่อนหน้านั้น แต่ไม่ได้มีการเอ่ยถึงกับการทำครัวซ็องจนกระทั่งศตวรรษที่ 20
เรื่องราวต้นกำเนิดต่างๆของขนม Kipferl และ ครัวซ็องได้ถูกกล่าวถึงในตำนานการทำอาหารมายาวนานและเป็นที่กว้างขวางตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19 อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อมูลแหล่งอ้างอิงที่ร่วมสมัยในปัจจุบัน หรือนักเขียนคนใด กล่าวถึง Kipferl ไว้ในรายชื่อของอาหารเช้าที่หลากหลายไว้ในช่วงปีค.ศ. 1799 บางตำนานกล่าวว่าขนมชนิดนี้เกิดขึ้นมาในยุโรปเพื่อฉลองชัยชนะของการรบกับกองกำลัง Umayyad ใน Battle of Tours นำทับโดย Franks in 732 โดยมีรูปซึ่งเป็นสัญลักษณ์จันทร์เสี้ยวของศาสนาอิสลาม ณเมืองบูดา อีกแหล่งหนึ่งในเวียนนากล่าวว่าในปีค.ศ. 1683 ขนมชนิดนี้เป็นตัวแทนของจันทร์เสี้ยวในธงของ Ottoman เพื่อฉลองชัยชนะโดยชาวชาวคริสเตียน เมื่อคนทำขนมปังที่อยู่ในช่วงกลางคืนได้ยินเสียงการขุดอุโมงค์และได้ให้เสียงสัญญาณเตือนเกิดขึ้น จึงส่งผลให้ครัวซ็องเป็นที่ถูกห้ามนำมาใช้ในบางองค์ประกอบของศาสนาอิสลาม