คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ย่อ: ป.ป.ช.) (อังกฤษ: National Anti-Corruption Commission) เป็นคณะบุคคลซึ่งประกอบด้วยประธานกรรมการคนหนึ่งและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอื่นอีก 8 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา ผู้ได้รับการเสนอชื่อและได้รับเลือกเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต้องเป็นผู้ซึ่งมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 256 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 9-11
การสรรหาและการเลือกกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ให้นำบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 257 และมาตรา 258 มาใช้บังคับโดยอนุโลม ทั้งนี้ โดยให้มีคณะกรรมการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจำนวน 15 คน ประกอบด้วยประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิการบดีของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่เป็นนิติบุคคลทุกแห่ง ซึ่งเลือกกันเองให้เหลือ 7 คน ผู้แทนพรรคการเมืองทุกพรรคที่มีสมาชิกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคละ 1 คน ซึ่งเลือกกันเองให้เหลือ 5 คน เป็นกรรมการ
กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีวาระการดำรงตำแหน่ง 9 ปี นับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง และดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว
สิ้นสุดวาระก่อนกำหนด จากคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้จำคุกจำเลยคนละ 2 ปี แต่เนื่องจากเมื่อพิจารณาจากตำแหน่งหน้าที่ของจำเลยทั้ง 9 แล้ว โทษจำคุกศาลให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี ฐานกระทำผิดทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีขึ้นค่าตอบแทนให้ตนเอง
แต่งตั้งตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 22 กันยายน 2549
เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. - สรรเสริญ พลเจียก รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. - วรวิทย์ สุขบุญ ชูศักดิ์ ปริปุญโญ นายชัยรัตน์ ขนิษฐบุตร นายประหยัด พวงจำปา นายยงยุทธ มะลิทอง**นายธรรมนูญ เรืองดิษฐ์ นางณัชชา เกิดศรี
เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. - สรรเสริญ พลเจียก รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. - วรวิทย์ สุขบุญ ชูศักดิ์ ปริปุญโญ นายชัยรัตน์ ขนิษฐบุตร นายประหยัด พวงจำปา นายยงยุทธ มะลิทอง**นายธรรมนูญ เรืองดิษฐ์ นางณัชชา เกิดศรี
นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า อดีตสมาชิกรัฐสภา 269 คนถูก ป.ป.ช. ขู่ดำเนินคดีซึ่งสะเทือนจุดยืนทางกฎหมายเพราะรัฐธรรมนูญซึ่งนักการเมืองดังกล่าวถูกกล่าวหาว่าละเมิดนั้น ถูกแม่ทัพประกาศให้เป็นโมฆะเมื่อยึดอำนาจ
รายงานของบริษัท พอลิทิคัลแอนด์อีโคโนมิกริสก์คอนซัลทันซี จำกัด (Political and Economic Risk Consultancy, Ltd.) เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2557 จัดให้ ปปช. ของไทยอยู่รั้งท้ายเทียบกับ 12 องค์การต่อต้านทุจริตในประเทศทวีปเอเชีย โดยว่า ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่มีการทุจริตมากในระยะยาว แต่องค์การต่อต้านทุจริตเป็นองค์การที่ถูกใช้ทางการเมืองมากที่สุด องค์การช่วยเหลือรัฐบาลทหารทำลายความน่าเชื่อถือของนักการเมืองและป้องกันคนเหล่านี้ไม่ให้กลับมามีอำนาจ ปปช. ยังเสนอมาตรการเพื่อเล่นงานพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ ปปช. มีบทบาทโค่นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ละเลยคดีทุจริตซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นจำเลย ทำให้ ปปช. เสื่อมความน่าเชื่อถือและทำหน้าที่ได้ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ
วันที่ 16 ตุลาคม 2558 ประธานอนุกรรมการไต่สวนกรณีที่มีกล่าวหาว่าพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดาขณะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกกับพวกจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดจีที 200 โดยมิชอบ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องลึกลับ และว่าประสิทธิภาพของจีที 200 ไม่ได้คุณภาพ แต่การจะวินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่ทุจริตหรือไม่ยังต้องการอะไรมากกว่าเรื่องของประสิทธิภาพ
อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ