สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 หรือ ขุนหลวงพะงั่ว ทรงครองราชสมบัติต่อจาก สมเด็จพระราเมศวร ในปีพ.ศ. 1913 - 1931 ระยะเวลา 18 ปี เป็นพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์สุพรรณภูมิพระองค์แรกจากราชวงศ์พระร่วงครองกรุงศรีอยุธยา พระองค์เป็นพระเชษฐาของมเหสีในสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) และเป็นพระมาตุลา (ลุง) ของสมเด็จพระราเมศวร
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 หรือ ขุนหลวงพะงั่ว นั้น มีข้อสันนิษฐานว่าน่าจะหมายถึง ลำดับที่ 5 ตามการนับ เลขไทย|เลขแบบไทย โดยมีความหมายว่า พระองค์เป็นราชบุตรพระองค์ที่ 5 พระองค์เป็นพระเชษฐาของพระมเหสีในสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ซึ่งสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ตรัสเรียกพระองค์ว่าพระเชษฐา
เมื่อสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาเมื่อปี พ.ศ. 1893 ในการนั้นพระองค์ทรงสถาปนาขุนหลวงพะงั่วขึ้นเป็น "สมเด็จพระบรมราชาธิราช" พร้อมทั้งโปรดให้ขึ้นไปครองราชสมบัติ ณ เมืองสุพรรณบุรี ภายหลังการสวรรคตของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 สมเด็จพระราเมศวรพระราชโอรสในสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 เสด็จมาแต่เมืองลพบุรีและขึ้นเสวยราชสมบัติสืบต่อมา โดยพระองค์ยังคงครองราชสมบัติอยู่ที่เมืองสุพรรณบุรีเช่นเดิม
จนกระทั่ง ในปี พ.ศ. 1913 พระองค์ได้เสด็จจากเมืองสุพรรณบุรีมายังกรุงศรีอยุธยา ความทราบถึงสมเด็จพระราเมศวร พระองค์จึงเสด็จออกไปอัญเชิญเสด็จพระมาตุลาเข้าสู่พระนคร หลังจากนั้น สมเด็จพระราเมศวรได้ถวายราชสมบัติแก่พระองค์และถวายบังคมลาเสด็จไปครองเมืองลพบุรีตามเดิม พระองค์เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 1931 รวมระยะเวลาในการครองราชสมบัติได้ 18 ปี โดยพระเจ้าทองลัน พระราชโอรสของพระองค์ได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติสืบไป
ด้วยทรงเป็นจอมทัพที่เข้มแข็ง พระราชกรณียกิจส่วนใหญ่ตลอดรัชกาลจึงทรงเป็นจอมทัพออกไปทำการรณรงค์ โดยศึกสำคัญมีดังนี้
เมื่อ พ.ศ. 1895 พระองค์ได้ทรงยกทัพไปยังเมืองนครธมแห่งกรุงกัมพูชาธิบดีเพื่อช่วยทัพของสมเด็จพระราเมศวรที่เข้าโจมตีกรุงกัมพูชาธิบดีก่อนหน้านั้น การศึกครั้งนี้มีเหตุจากการที่พระเจ้ากรุงกัมพูชาบดีแปรพักตร์ ดังนั้น สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 จึงมีพระราชโองการให้สมเด็จพระราเมศวรยกทัพไปปราบปราม แต่การไม่เป็นดังคาด ทัพพระเจ้ากรุงกัมพูชาธิบดีสามารถโจมตีทัพหน้าของกรุงศรีอยุธยาจนแตกพ่าย แล้วจึงเข้าปะทะกับทัพหลวงต่อ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 จึงมีพระราชโองการให้ขุนตำรวจออกไปเชิญพระองค์ที่ประทับอยู่ ณ เมืองสุพรรณบุรี ขึ้นไปทำศึกช่วยสมเด็จพระราเมศวร การศึกดำเนินไปเป็นระยะเวลา 1 ปีโดยประมาณ จึงสามารถเอาชนะกรุงกัมพูชาธิบดีได้สำเร็จและได้กวาดต้อนครัวชาวกัมพูชาธิบดีเข้ามายังอยู่กรุงศรีอยุธยาเป็นจำนวนมาก ่
หลังจากที่พระองค์ขึ้นครองราชสมบัติแห่งกรุงศรีอยุธยาแล้ว ในปี พ.ศ. 1914 พระองค์ได้เสด็จขึ้นไปทำสงครามกับเมืองฝ่ายเหนือหลายเมือง เช่น เมืองชากังราว เมืองพิษณุโลก เมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง สงครามยืดเยื้อกันมาเป็นเวลานาน จนพระองค์เสด็จสวรรคต
พระองค์ทรงยกกองทัพขึ้นไปยังเมืองชากังราวถึง 4 ครั้ง เนื่องจากเมืองชากังราวเป็นเมืองหน้าด่านของกรุงสุโขทัย โดยครั้งแรกนั้นทรงยกกองทัพไปเมืองปี พ.ศ. 1916 พระยาไสแก้วและพระยาคำแหงเจ้าเมืองชากังราวออกรบต่อพระองค์ การศึกในครั้งนั้นเป็นเหตุให้พระยาไสแก้วเสียชีวิตแต่พระยาคำแหงนั้นสามารถกลับเข้าเมืองได้ แล้วทรงยกทัพกลับกรุงศรีอยุธยา พระองค์ยกทัพขึ้นไปเมืองชากังราวครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 1919 พระยาคำแหงและท้าวผ่าคองคิดกันว่าจะยอทัพหลวงทำมิได้ ครั้งนั้นท้าวผ่าคองเลิกทัพหนีแต่พระองค์ทรงยกทัพตามและสามารถตีทัพท้าวผ่าคองแตก ได้ท้าวพระยาเสนาขุนหมื่นเป็นจำนวนมากแล้วทรงยกทัพหลวงกลับพระนคร พระองค์ยกทัพมาเมืองชากังราวเป็นครั้งที่ 3 เมื่อปี พ.ศ. 1921 ครั้งนั้นพระมหาธรรมราชา (ที่ 2) พระมหากษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัยทรงออกรบเป็นสามารถ แต่เห็นจะสู้ทัพจากกรุงศรีอยุธยาไม่ไหว ดังนั้น พระมหาธรรมราชาจึงออกมาถวายบังคม พระองค์ทรงให้พระมหาธรรมราชาครองเมืองต่อไปในฐานะเป็นเมืองประเทศราชของกรุงศรีอยุธยาแล้วทรงยกทัพหลวงกลับพระนคร พระองค์ยกทัพไปเมืองชากังราวอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 1931 แต่ไม่ปรากฏว่าทรงยกทัพไปด้วยสาเหตุอันใด ครั้งนั้นทรงพระประชวรและเสด็จสวรรคตระหว่างการเสด็จกลับกรุงศรีอยุธยา
เมื่อ พ.ศ. 1917 พระองค์และพระมหาเถรธรรมากัลญาณได้ปรึกษากันและทรงสถาปนาพระศรีรัตนมหาธาตุ ฝ่ายบูรพาทิศ (วัดมหาธาตุ) หน้าพระบันชรสิงห์สูง 19 วา ยอดนพศูลสูง 3 วา
a = สมเด็จพระราเมศวร
b = สมเด็จพระเจ้าทองลัน
c = สมเด็จพระรัษฎาธิราช
d = สมเด็จพระยอดฟ้า
e = ขุนวรวงศาธิราช
f = สมเด็จพระมหินทราธิราช
g = สมเด็จพระศรีเสาวภาคย์
h = สมเด็จพระเชษฐาธิราช
i = สมเด็จพระอาทิตยวงศ์
j = สมเด็จเจ้าฟ้าไชย
k = สมเด็จพระศรีสุธรรมราชา
l = สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร
??? = ราชวงศ์อู่ทอง??? = ราชวงศ์สุพรรณภูมิ??? = ราชวงศ์สุโขทัย??? = ราชวงศ์ปราสาททอง??? = ราชวงศ์บ้านพลูหลวง