กิ่งอำเภอ เป็นส่วนราชการที่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐไปปฏิบัติงานประจำอยู่ มีฐานะเป็นส่วนย่อยของอำเภอซึ่งใหญ่กว่าตำบล โดยอำเภอหนึ่ง ๆ อาจแบ่งพื้นที่ออกเป็นกิ่งอำเภอได้ตามความจำเป็นในการปกครอง และในเวลาต่อมา หากกิ่งอำเภอหนึ่ง ๆ มีชุมชนและชุมนุมการค้าหนาแน่นหรือมีสภาพเจริญขึ้นกว่าเดิมมาก ก็จะมีพระราชกฤษฎีกายกฐานะกิ่งอำเภอนั้นขึ้นเป็นอำเภอ อำเภอในประเทศไทยที่ตั้งขึ้นในสมัยหลังมานี้จึงมักจะผ่านการเป็นกิ่งอำเภอมาก่อน มีไม่กี่แห่งที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นเป็นอำเภอทันที
ในปี 2550 ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 124 ตอนที่ 46 ก หน้า 14 ยกกิ่งอำเภอบางแห่งเป็นอำเภอ มีผลให้กิ่งอำเภอทั้ง 81 แห่งในขณะนั้นยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอทั้งหมด ขณะนี้ประเทศไทยจึงไม่มีเขตการปกครองในระดับกิ่งอำเภอ[ต้องการอ้างอิง]
การตั้งกิ่งอำเภอทำโดยประกาศกระทรวงมหาดไทย โดยมีหลักเกณฑ์การจัดตั้งตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 64 ของพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 ดังนี้
นอกจากหลักเกณฑ์ข้างต้น กระทรวงมหาดไทยโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2539 ยังได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดตั้งกิ่งอำเภอไว้เป็นแนวทางปฏิบัติดังนี้
ในการบริหารราชการของกิ่งอำเภอนั้น นอกจากมีนายอำเภอท้องที่เป็นผู้บังคับบัญชาแล้ว จะมี ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ รับผิดชอบในการบริหารราชการรองจากนายอำเภอ และปฏิบัติราชการแทนนายอำเภอ ในเวลาที่นายอำเภอมิได้มาอยู่ที่กิ่งอำเภอ โดยปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ เป็นข้าราชการในสังกัดกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงมหาดไทยได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกายกฐานะกิ่งอำเภอขึ้นเป็นอำเภอเมื่อต้นปี พ.ศ. 2550 คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ได้มีมติเห็นควรอนุมัติหลักการให้ยกฐานะกิ่งอำเภอเป็นอำเภอ เฉพาะที่มีศักยภาพสูงจำนวน 20 แห่ง กระทรวงมหาดไทยจึงได้ถอนเรื่องกลับไปจากการประชุมคณะรัฐมนตรี แล้วนำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง โดยมีความเห็นว่าการยกฐานะกิ่งอำเภอเป็นอำเภอทั้งหมดนั้นมีเหตุผลและมีความจำเป็นอย่างยิ่ง จึงเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 คณะรัฐมนตรีมีความเห็นชอบอนุมัติให้ร่างพระราชกฤษฎีกายกฐานะของกิ่งอำเภอขึ้นเป็นอำเภอ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารงานของหน่วยบริหารราชการส่วนภูมิภาค และถือเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ด้วย ซึ่งในช่วงนั้นประเทศไทยมีกิ่งอำเภอ 81 แห่ง ใน 39 จังหวัด ได้แก่
จากนั้นเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2550 จึงมีพระราชกฤษฎีกาตั้งอำเภอฆ้องชัย อำเภอดอนจาน อำเภอนาคู อำเภอสามชัย อำเภอโกสัมพีนคร อำเภอบึงสามัคคี อำเภอโคกโพธิ์ไชย อำเภอซำสูง อำเภอโนนศิลา อำเภอบ้านแฮด อำเภอเวียงเก่า อำเภอหนองนาคำ อำเภอเขาคิชฌกูฏ อำเภอคลองเขื่อน อำเภอเกาะจันทร์ อำเภอเนินขาม อำเภอหนองมะโมง อำเภอซับใหญ่ อำเภอดอยหลวง อำเภอเวียงเชียงรุ้ง อำเภอดอยหล่อ อำเภอแม่ออน อำเภอหาดสำราญ อำเภอเกาะกูด อำเภอเกาะช้าง อำเภอวังเจ้า อำเภอวังยาง อำเภอเทพารักษ์ อำเภอบัวลาย อำเภอพระทองคำ อำเภอเมืองยาง อำเภอลำทะเมนชัย อำเภอสีดา อำเภอช้างกลาง อำเภอนบพิตำ อำเภอชุมตาบง อำเภอแม่เปิน อำเภอภูเพียง อำเภอแคนดง อำเภอบ้านด่าน อำเภอสามร้อยยอด อำเภอภูกามยาว อำเภอภูซาง อำเภอศรีนครินทร์ อำเภอดงเจริญ อำเภอบึงนาราง อำเภอสากเหล็ก อำเภอกุดรัง อำเภอชื่นชม อำเภอเชียงขวัญ อำเภอทุ่งเขาหลวง อำเภอหนองฮี อำเภอสุขสำราญ อำเภอเขาชะเมา อำเภอนิคมพัฒนา อำเภอบ้านคา อำเภอเวียงหนองล่อง อำเภอหนองหิน อำเภอเอราวัณ อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ อำเภอศิลาลาด อำเภอมะนัง อำเภอบางเสาธง อำเภอโคกสูง อำเภอวังสมบูรณ์ อำเภอวิภาวดี อำเภอเขวาสินรินทร์ อำเภอโนนนารายณ์ อำเภอพนมดงรัก อำเภอศรีณรงค์ อำเภอเฝ้าไร่ อำเภอโพธิ์ตาก อำเภอรัตนวาปี อำเภอสระใคร อำเภอกู่แก้ว อำเภอประจักษ์ศิลปาคม อำเภอนาตาล อำเภอนาเยีย อำเภอน้ำขุ่น อำเภอสว่างวีระวงศ์ และอำเภอเหล่าเสือโก้ก พ.ศ. 2550 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 124 ตอนที่ 46 ก หน้า 14
พระราชกฤษฎีกานี้มีผลให้กิ่งอำเภอทั้ง 81 แห่งดังกล่าวยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอทั้งหมด ขณะนี้ประเทศไทยจึงไม่มีเขตการปกครองในระดับกิ่งอำเภอ