การโจมตีท่าเพิร์ลเป็นการโจมตีทางทหารอย่างจู่โจมของกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นต่อฐานทัพเรือสหรัฐที่ท่าเพิร์ล ดินแดนฮาวาย ในเช้าวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1941 (หรือวันที่ 8 ธันวาคมตามเวลาในประเทศญี่ปุ่น) การโจมตีนี้นำให้สหรัฐเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สอง
การโจมตีนี้เจตนาเป็นการปฏิบัติป้องกันเพื่อไม่ให้กองเรือแปซิฟิกของสหรัฐเข้าแทรกแซงการปฏิบัติทางทหารซึ่งจักรวรรดิญี่ปุ่นกำลังวางแผนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์และสหรัฐ มีการโจมตีของญี่ปุ่นพร้อมกันที่ฟิลิปปินส์ซึ่งสหรัฐถือครองอยู่ และต่อจักรวรรดิบริติชในมาลายา สิงคโปร์และฮ่องกง
จากในแง่ผู้ป้องกัน การโจมตีเริ่มเมื่อ 7.48 น. ตามเวลาฮาวาย ฐานถูกเครื่องบินขับไล่ เครื่องบินทิ้งระเบิดและเครื่องบินตอร์ปิโดญี่ปุ่น 353 ลำโจมตี แบ่งเป็นสองระลอก บินขึ้นจากเรือบรรทุกเครื่องบิน 6 ลำ เรือรบแห่งกองทัพเรือสหรัฐทั้งแปดลำเสียหาย โดยสี่ลำจม ทั้งหมดถูกซ่อมแซมขึ้นใหม่ (ยกเว้น แอริโซนา) เรือรบหกจากแปดลำกลับเข้ารับราชการและออกสู้รบในสงคราม ฝ่ายญี่ปุ่นยังจมหรือสร้างความเสียหายแก่เรือลาดตระเวนสามลำ เรือพิฆาตสามลำ เรือฝึกต่อสู้อากาศยานหนึ่งลำและเรือวางทุ่นระเบิดหนึ่งลำ อากาศยานสหรัฐ 188 ลำถูกทำลาย ฝ่ายอเมริกันเสียชีวิต 2,403 นาย บาดเจ็บ 1,178 นาย สถานที่ตั้งฐานทัพสำคัญอย่างโรงไฟฟ้า อู่เรือ โรงซ่อมบำรุง เชื้อเพลิงและเก็บตอร์ปิโด ตลอดจนสะพานเทียบเรือดำน้ำและอาคารกองบัญชาการ (ซึ่งเป็นที่ตั้งของฝ่ายข่าวกรอง) ไม่ถูกโจมตี ฝ่ายญี่ปุ่นสูญเสียเล็กน้อย คือ อากาศยาน 29 ลำและเรือดำน้ำขนาดเล็กมากห้าลำ และทหารเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ 65 นาย กะลาสีชาวญี่ปุ่นถูกจับได้หนึ่งคน คือ คะซุโอะ ซะกะมะกิ
การโจมตีนี้เป็นความตะลึงล้ำลึกแก่อเมริกันชนและนำให้สหรัฐเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สองโดยตรงทั้งในเขตสงครามแปซิฟิกและยุโรป วันรุ่งขึ้น คือ วันที่ 8 ธันวาคม สหรัฐประกาศสงครามต่อญี่ปุ่น การสนับสนุนลัทธิไม่แทรกแซงในประเทศซึ่งเคยมีมากหายไป การสนับสนุนบริเตนในทางลับกลายเป็นพันธมิตรอย่างแข็งขัน ปฏิบัติการต่อมาโดยสหรัฐนำให้เยอรมนีและอิตาลีประกาศสงครามต่อสหรัฐเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ซึ่งสหรัฐประกาศสงครามตอบในวันเดียวกัน
หลายปีให้หลัง นักเขียนหลายคนอ้างว่ามีบุคคลระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐและบริเตนทราบการโจมตีนี้ล่วงหน้าและอาจปล่อยให้เกิดขึ้น (หรือกระทั่งส่งเสริม) โดยมุ่งหมายให้นำอเมริกาเข้าสู่สงคราม ทว่า ทฤษฎีคบคิดทราบล่วงหน้านี้ถูกนักประวัติศาสตร์กระแสหลักปฏิเสธ
มีบรรทัดฐานประวัติศาสตร์จำนวนมากของการปฏิบัติทางทหารของญี่ปุ่นซึ่งไม่ประกาศ ทว่า การขาดคำเตือนอย่างเป็นทางการใด ๆ โดยเฉพาะระหว่างการเจรจายังดำเนินอยู่ ทำให้ประธานาธิบดีแฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ประกาศว่าวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1941 เป็น "วันซึ่งจะอยู่ในความอดสู" เพราะการโจมตีนี้เกิดขึ้นโดยไม่มีการประกาศสงครามและไม่มีคำเตือนชัดเจน การโจมตีท่าเพิร์ลจึงถูกศาลทหารพิเศษสำหรับตะวันออกไกลตัดสินให้เป็นอาชญากรรมสงคราม
ผลสืบเนื่องมาจากสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่ 2 จุดเริ่มต้นของสงครามคือจักรวรรดิญี่ปุ่นได้บุกเข้ายึดครองดินแดนแมนจูเรียหลังเกิดกรณีมุกเดน เพราะเนื่องจากญี่ปุ่นได้เล็งเห็นผลประโยชน์ในดินแดนแมนจูเรียหลายประการ หลังจากยึดครองสำเร็จก็แต่งตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดให้อยู่ภายใต้การนำของจักรวรรดิญี่ปุ่น โดยมีจักรพรรดิปูยี (อดีตจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ชิง) ให้มาเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินและเป็นจักรพรรดิแห่งแมนจูเรียได้แต่เพียงในนามเท่านั้น เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจแก่สาธารณรัฐจีนเป็นอย่างมากจึงได้ไปร้องเรียนขอความช่วยเหลือไปยังสันนิบาตชาติ เวลาต่อมาสันนิบาตชาติดำเนินการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นสันนิบาตชาติก็ได้ลงความเห็นเห็นว่า จักรวรรดิญี่ปุ่นเป็นฝ่ายผิดและเป็นผู้รุกราน จึงออกแถลงการณ์ลิตตัน เพื่อประณามการกระทำของญี่ปุ่นในการรุกรานแมนจูเรียและออกคำสั่งให้ญี่ปุ่นถอนกองทัพออกจากดินแดนแมนจูเรีย ทำให้ญี่ปุ่นไม่พอใจพร้อมประกาศถอนตัวออกจากสันนิบาตชาติไปโดยสิ้นเชิง
ด้วยการที่สันนิบาตชาติทำอะไรกับญี่ปุ่นไม่ได้ ทำให้จีนผิดหวังและญี่ปุ่นก็เริ่มฮึกเหิมที่คิดจะทำการยึดครองจีนต่อไปโดยไม่มีประเทศใดๆมาขัดขวาง และแล้วจักรวรรดิญี่ปุ่นก็ได้ส่งกองทัพเข้าไปรุกรานจีนได้อย่างเต็มตัว แม้กองทัพจีนจะพยายามต้านทานอย่างสุดกำลังแต่ก็ไม่อาจต้านทานกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นได้ทำให้จีนต้องสูญเสียดินแดนให้กับญี่ปุ่น เช่น ปักกิ่ง เป่ยผิง เทียนจิน เป็นต้น ในขณะเดียวกันเมืองนานกิงเองก็ได้ถูกกองทัพญี่ปุ่นเข้ายึดครองและทำการสังหารหมู่ชาวจีนไปเป็นจำนวนมาก สร้างความโกรธแค้นให้กับชาวจีนเป็นอย่างมาก
ในช่วงที่กองทัพจีนได้พ่ายแพ้กองทัพญี่ปุ่นมาติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง และแล้วความหวังก็ได้ปรากฏขึ้น เนื่องจากจีนได้เล็งเห็นประเทศสหรัฐอเมริกาที่เป็นชาติมหาอำนาจหนึ่งที่สามารถถ่วงดุลอำนาจของจักรวรรดิญี่ปุ่นได้ ดังนั้นจีนจึงส่งขอความช่วยเหลือไปยังสหรัฐฯทันที แม้ว่าสหรัฐฯจะพยายามทำตัวเป็นกลางไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสงครามก็ตามแต่ก็ยินดีให้ความช่วยเหลือกับจีนอย่างเต็มที่
สหรัฐฯภายใต้การนำโดยประธานาธิบดีรูสเวลท์ก็ได้ประกาศยุติการส่งออกสินค้าไปยังญี่ปุ่น เช่น น้ำมัน เหล็ก เป็นต้น ทำให้ญี่ปุ่นขาดปัจจัยในการบำรุงกองทัพโดยเฉพาะน้ำมัน ทำให้การบุกเข้ายึดจีนต่อไปต้องหยุดชะงักลง จักรวรรดิญี่ปุ่นญี่ปุ่นจึงได้ส่งทูตไปเจรจากับสหรัฐฯเพื่อขอให้ส่งน้ำมันต่อ แต่ว่าการเจรจาก็ล้มเหลวหมดเพราะสหรัฐฯได้ยื่นคำขาดว่าให้ญี่ปุ่นยุติการยึดครองจีน และถอนกำลังออกจากอินโดจีนไป ทำให้ญี่ปุ่นไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงตัดสินใจโจมตีที่อ่าวเพิร์ลฮาเบอร์ที่อยู่บริเวณของหมู่เกาะฮาวายที่เป็นฐานทัพเรือสหรัฐฯประจำภาคพื้นทะเลแปซิพิกด้วยการเป็นอย่างลับๆ เพื่อเปิดเส้นทางการขยายอำนาจในภาคพื้นทะเลแปซิพิกแก่จักรวรรดิญี่ปุ่น
ในวันที่ 7 ธันวาคมพ.ศ. 2484 ญี่ปุ่นเริ่มลงมือด้วยการซ่อนกองเรือบรรทุกเครื่องบินแล้วเข้าใกล้อ่าวเพิร์ลฮาเบอร์ให้ได้มากที่สุดแล้วนำเครื่องบินบินต่ำหลบคลื่นเรดาร์ อมริกาตรวจพบเครื่องบิน400ลำกำลังเข้าเกาะ ปรากฏว่าทหารอเมริกาคิดว่าเป็นเครื่องบินของตนบินกลับมาจากจีน เครื่องบินของกองทัพญี่ปุ่นยิ่งเข้าใกล้เกาะขึ้นเรื่อยๆในขณะที่ทหารเรือกำลังตกปลาอยู่ แผนการรบทั้งหมดคิดโดย นายพลเรืออิโซโรกุ ยามาโมโต และได้ดัดแปลงตอร์ปิโดคือใส่ไม้รูปทรงคล้ายๆกล่องเข้าไปที่ใบพัดจึงทำให้สามารถยิงในน้ำตื้นได้ การรบดังกล่าวทำให้เกิดความสูญเสียอย่างหนักคือ ทหาร2408 นาย เรือรบ 18 ลำ เครื่องบิน 400 ลำ และทำให้สหรัฐอเมริกาประกาศสงครามกับญี่ปุ่นในที่สุด