การอ่านใจแบบเย็น (อังกฤษ: Cold reading) เป็นเทคนิคที่ใช้โดยบุคคลต่าง ๆ รวมทั้งผู้อ้างว่าตนมีอำนาจเหนือธรรมชาติ เช่นผู้มีอำนาจทางจิตวิญญาณ (psychic) ผู้ทำนายอนาคต และสื่อวิญญาณ รวมทั้งนักแสดงเช่นนักมายากล คือโดยที่ไม่ได้รู้อะไรล่วงหน้ามาก่อน ผู้ใช้เทคนิคนี้สามารถได้ข้อมูลเป็นจำนวนมากโดยวิเคราะห์สีหน้า อากัปกิริยา ท่าทาง อายุ เสื้อผ้า แฟชั่น ทรงผม เพศ รสนิยมทางเพศ ศาสนา เชื้อชาติ กลุ่มชาติพันธุ์ ระดับการศึกษา วิธีสำเนียงการพูด แหล่งกำเนิด ฯลฯ เทคนิคนี้มักจะเริ่มด้วยการเดาที่มีโอกาสถูกสูง แล้วตรวจดูปฏิกิริยาว่าอยู่ในแนวที่ถูกต้องหรือไม่ หลังจากนั้นจึงกล่าวเน้นให้ความสำคัญกับเรื่องที่ถูกโดยบังเอิญ โดยไม่ใส่ใจผ่านเรื่องที่เดาไม่ถูกไป
ก่อนที่จะเริ่มการอ่าน ผู้อ่านอาจจะพยายามหาความร่วมมือ โดยกล่าวคำเป็นต้นว่า "ฉันมักจะเห็นภาพที่ไม่ค่อยชัดเจน ซึ่งอาจจะมีความหมายต่อคุณมากกว่าฉัน ถ้าคุณช่วย เราจะสามารถพบอะไรใหม่ ๆ เกี่ยวกับคุณ" องค์ประกอบสำคัญที่สุดในการอ่านใจที่น่าเชื่อก็คือ ผู้รับการอ่านที่กระตือรือร้นในการเชื่อมความสัมพันธ์หรือตีความคำพูดที่คลุมเครือ เป็นการช่วยผู้อ่านให้เหมือนกับจะกล่าวสิ่งที่เฉพาะเจาะจงโดยรู้เอง แม้ว่าผู้อ่านจะเป็นคนพูดโดยมาก แต่ก็จะเป็นผู้รับอ่านที่ตีความให้ความหมายกับคำพูด
เมื่อกำหนดแล้วว่า ผู้รับการอ่านจะให้ความร่วมมือ ผู้อ่านจะกล่าวคำที่หาข้อมูลหรือถามปัญหา โดยใช้วิธีการต่าง ๆ ที่จะกล่าวถึงต่อไป ผู้รับการอ่านจะให้ข้อมูลเพิ่มขึ้นผ่านคำตอบ ไม่ว่าจะเป็นโดยพูดหรือสีหน้าอากัปกิริยา ซึ่งจะทำให้การอ่านดำเนินต่อไปได้ โดยติดตามประเด็นที่ดูเหมือนจะถูกต้อง และทิ้งหรือหลีกเลี่ยงประเด็นที่จะไม่ให้ผลอะไร โดยทั่วไปแล้ว แม้ว่าสิ่งที่เปิดเผยอาจจะดูเหมือนมาจากผู้อ่าน แต่ข้อมูลความจริงและคำพูดจะมาจากผู้รับการอ่าน ซึ่งผู้อ่านจะพูดประดิดประดอย เพื่อเสริมความคิดว่า ผู้อ่านได้กล่าวสิ่งที่ถูกต้อง
ตัวช่วยแม้ละเอียดเช่นสีหน้าหรืออากัปกิริยาจะสามารถบอกให้รู้ได้ว่า คำถามในแนวทางหนึ่ง ๆ ได้ผลแค่ไหน ถ้ารวมข้อมูลที่ได้จากเทคนิคนี้ กับที่ได้แบบแอบทำ (โดยเทคนิคที่เรียกว่า การอ่านใจแบบร้อน [hot reading]) จะทำให้เกิดความประทับใจว่า ผู้อ่านรู้หรือสามารถเข้าถึงข้อมูลเป็นจำนวนมากของผู้รับการอ่าน และเพราะว่า ส่วนใหญ่ของเวลาในช่วงการอ่านจะใช้เน้นสิ่งที่พูดถูก และไม่สนใจผ่านส่วนที่ผิด ผลที่ได้คือความประทับใจว่า ผู้อ่านรู้เรื่องเกี่ยวกับผู้รับอ่านมากเกินกว่าที่คนแปลกหน้าจะรู้ได้
นักวิมตินิยมเจมส์ อันเดอร์ดาวน์ ขององค์การนอกภาครัฐ "ศูนย์เพื่อการสอบสวน" (Center for Inquiry) ได้กล่าวไว้ว่า "ในสถานการณ์ห้องส่งที่เต็มไปด้วยผู้ชม การอ่านใจแบบเย็นไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าประทับใจ" เขาอธิบายจากมุมมองของคณิตศาสตร์ว่า ผู้ชมในห้องส่งจะมีประมาณ 200 แบ่งออกเป็น 3 พวก การประเมินอย่างต่ำแสดงว่า ผู้ชมแต่ละคนจะรู้จักคน 150 คน เมื่อผู้อ่านถามว่า "ใครคือมาร์กาเร็ต" เขาหวังว่า จะมีคนชื่อมาร์กาเร็ตคนหนึ่งในคนจำนวน 10,000 คนที่ผู้ชมพวกหนึ่งจะรู้จัก และถ้าไม่ได้คำตอบ ผู้อ่านก็จะเปิดคำถามนี้สำหรับผู้ชมทั้ง 3 พวก รวมคนรู้จักที่เป็นไปได้ถึง 30,000 คน มันเป็นเรื่องน่าแปลกใจไหมล่ะถ้าจะพบคนชื่อมาร์กาเร็ต จากจำนวนตัวอย่างขนาดใหญ่นี้
การยิงปืนลูกซอง (Shotgunning) เป็นชื่อของเทคนิคที่ใช้ในการอ่านใจแบบเย็น โดยใช้ชื่อตามปืนลูกซองที่ยิงกระสุนลูกเล็ก ๆ เป็นกลุ่มโดยหวังว่า กระสุนลูกหนึ่งหรือมากกว่านั้นจะถูกเป้า คือผู้อ่านให้ข้อมูลทั่วไปเป็นจำนวนมากอย่างช้า ๆ บ่อยครั้งแก่ผู้ชมทั้งหมด (บางชิ้นจะเป็นไปได้สูงที่จะถูกต้อง หรือว่าเกือบจะถูกต้อง หรือไม่ก็น่าแปลกใจสำหรับบางคน) แล้วสังเกตดูปฏิกิริยาของผู้ชม โดยเฉพาะทางสีหน้าอากัปกิริยา แล้วเริ่มใช้คำพูดที่แคบลง เป็นการตอบรับคนบางคนหรือแนวคิดบางอย่าง โดยประดิดประดอยคำพูดเดิมตามปฏิกิริยาที่ได้สังเกต เพื่อสร้างการตอบสนองทางอารมณ์จากผู้ชม ยกตัวอย่างเช่น คนส่วนใหญ่ในห้องจะได้สูญเสียญาติผู้ใหญ่ หรือรู้จักคนอย่างน้อยหนึ่งคนที่มีชื่อสามัญ (ของคนตะวันตก) เช่น ไมค์หรือจอห์น
ปรากฏการณ์ฟอเรอร์เกิดขึ้นได้โดยอาศัยความกระตือรือร้นของบุคคลที่จะเติมเต็มรายละเอียด และสัมพันธ์เรื่องที่พูดกับบางสิ่งบางอย่างในชีวิตของตน บ่อยครั้ง เทียบกับชีวิตทั้งชีวิตที่จะหาจุดสัมพันธ์ หรือแม้แต่ตีความคำพูดโดยประการต่าง ๆ ที่จะให้สิ่งที่พูดเข้าได้กับตน
บทความบาร์นัม (เรียกตามชื่อของโชว์แมนผู้ขายโชว์หลอกลวง) เป็นบทความที่ดูเหมือนจะเฉพาะเจาะจงบุคคล แต่ความจริงเป็นเรื่องที่เข้ากับคนได้หลายคน และแม้ว่าจะดูเหมือนเฉพาะเจาะจง บทความมักจะคลุมเครือ สามารถตีความได้หลายอย่าง ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อเสาะหาปฏิกิริยาจากผู้รับการอ่าน จากนั้น ผู้อ่านก็จะสามารถกล่าวข้อความได้อย่างละเอียดพิศดารยิ่งขึ้น ที่ดูเหมือนจะบอกรายละเอียดหลายอย่างเกี่ยวกับบุคคลนั้น ผู้อ่านที่มีพรสวรรค์หรือมีเสน่ห์ความดึงดูดใจสูง บางครั้งจะสามารถเคี่ยวเข็ญให้ผู้รับการอ่านยอมรับว่าพูดถูก โดยเคี่ยวเข็ญแล้วเคี่ยวเข็ญเล่าให้ยอมรับว่า ข้อความหนึ่งที่พูดนั้นเกี่ยวข้องกับตน หรือยืนยันว่า ผู้รับการอ่านไม่พยายามนึกอย่างเพียงพอ หรือว่าอาจจะกดเก็บความรู้สึกความจำอันสำคัญไว้ในใจ
ในบทความสุดท้ายนี้ ถ้าผู้รับการอ่านมีอายุพอสมควร พ่อของเขามีโอกาสสูงที่จะถึงแก่กรรมแล้ว และบทความนี้สามารถใช้ได้กับสภาวะทางการแพทย์ได้อย่างมากมาย รวมทั้งโรคหัวใจ ปอดบวม เบาหวาน โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ตับแข็ง ไตวาย มะเร็งโดยมาก หรือว่าการเสียชีวิตทุกชนิดที่หัวใจหยุดเต้นก่อนจะตาย หรือที่ส่วนสมองที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับปอดและหัวใจเสียหาย
การอ่านใจแบบอุ่น (อังกฤษ: Warm reading) เป็นเทคนิคใช้โดยนักแสดงอ่านใจและคนหลอกลวงทางจิตวิญญาณ เทียบกับ การอ่านใจแบบร้อน (อังกฤษ: hot reading) ที่ใช้ความรู้ล่วงหน้า และการอ่านใจแบบเย็นที่ใช้เรื่องทั่ว ๆ ไปที่สามัญต่อความเป็นมนุษย์ การอ่านใจแบบอุ่น เป็นการใช้ข้อความบาร์นัมอย่างสุขุม
เมื่อใช้เทคนิคจิตวิทยาเหล่านี้อย่างถูกต้อง สิ่งที่พูดจะทำให้รู้สึกว่า นักแสดงอ่านใจหรือคนหลอกลวง สามารถหยั่งรู้เองได้และมีพรสวรรค์ทางจิตวิญญาณ แต่โดยความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่พูดจะเข้ากับเกือบทุกคนได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศใด มีความคิดเห็นส่วนตัวอย่างไร มีอายุเท่าไร มาจากไหน มีวัฒนธรรมหรือเชื้อชาติเช่นไร
การอ่านใจแบบอุ่นบางครั้งใช้หมายถึง "การใช้หลักจิตวิทยาที่มีอยู่ที่ประยุกต์ใช้ได้เกือบกับทุกคน" เมื่อกำลังทำการอ่านใจโดยจิตวิญญาณ (นักวิมตินิยม) ไมเคิล เชอร์เมอร์ใช้บทนี้อย่างนี้ ... นายเชอร์เมอร์ให้ข้อสังเกตว่า คนที่กำลังไว้ทุกข์อยู่จะใส่เครื่องประดับที่เกี่ยวข้องกับคนรักที่เสียชีวิตไป และการอ้างว่า คุณได้รับข่าวสารเกี่ยวกับเครื่องประดับชิ้นหนึ่งของคนตายในระหว่างการอ่านจะทำให้ผู้ที่รับการอ่านตะลึง และจะเชื่อมความโดยถือเอาความนั้นว่า เป็นเครื่องหมายชี้ให้เห็นว่า คุณได้สัมผัสกับอีกโลกหนึ่ง
อุบายสายรุ้ง (อังกฤษ: rainbow ruse) เป็นการบอกผู้รับการอ่านทั้งบุคลิกภาพส่วนตัวที่เฉพาะเจาะจง และบอกบุคลิกภาพตรงกันข้ามไปพร้อม ๆ กัน โดยวิธีนี้ ผู้อ่านสามารถครอบคลุมความเป็นไปได้ทั้งหมด และดูเหมือนจะได้อ่านใจผู้รับการอ่านอย่างแม่นยำ ถึงแม้เรื่องที่บอกจะคลุมเครือและขัดแย้งกันเอง เทคนิคนี้ใช้ได้เพราะว่า บุคลิกภาพไม่สามารถวัดเป็นตัวเลขได้ และเพราะว่า เกือบทุก ๆ คนมีประสบการณ์กับอารมณ์ความรู้สึกทั้งสองด้านในชีวิตของตน
ผู้อ่านใจแบบเย็นสามารถเลือกจากบุคลิกภาพหลายอย่าง พิจารณาบุคคลิกตรงกันข้าม แล้วเชื่อมมันด้วยกันในบทความเดียวกัน ด้วยคำคลุมเครือเกี่ยวกับอารมณ์ เวลา หรือโอกาส เป็นต้น
กลุ่มนักอ่านใจที่เป็นนักมายากลเห็นด้วยเกี่ยวกับการใช้เทคนิคนี้ ถ้าโฆษณาอย่างชัดเจนว่า เป็นการบันเทิงศิลป์ และไม่ได้แสดงตนว่า เป็นผู้มีอำนาจทางจิตวิญญาณ
มีนักแสดงที่ใช้เทคนิคนี้ ที่บอกอย่างตรงไปตรงมาถึงการใช้เทคนิค มีนักแสดงชาวตะวันตกหลายคน ที่ใช้เทคนิคนี้ทำนายอนาคต หรือในเวทีเปิดเป็นแบบรายการ "คุยกับคนตาย" โดยเลียนแบบผู้ที่อ้างว่าเป็นสื่อวิญญาณได้จริง ๆ แต่หลังจากที่ได้รับการยกย่องและการปรบมือจากผู้ชม ก็จะเปิดเผยว่าไม่จำเป็นที่จะต้องมีอำนาจทางจิตวิญญาณที่จะแสดงได้อย่างนี้ เพียงแค่มีความรู้ทางจิตวิทยาที่สมควรและเทคนิคต่าง ๆ ในการอ่านใจแบบเย็น
มีอดีตผู้ชำนาญงานเกี่ยวกับจิตวิญญาณสมัยใหม่ผู้หนึ่งที่ได้กล่าวถึงการใช้ระบบการอ่านใจแบบเย็นโดยไม่รู้ตัว โดยให้สัมภาษณ์ว่า "ดิฉันไม่เข้าใจว่า ตัวเองได้ใช้รูปแบบหนึ่งของการอ่านใจแบบเย็นในงานของดิฉันมานานแล้ว ดิฉันไม่เคยได้ศึกษาเรื่องการอ่านใจแบบเย็น และไม่เคยจะคิดหลอกลวงใคร ดิฉันจับจุดเทคนิคได้ผ่านกระแสวัฒนธรรม" เธอบอกว่า เนื่องจากว่าเธอเป็นคนเข้าใจผู้อื่นได้ง่าย ดังนั้น จึงสามารถรู้ได้ง่าย ๆ ว่าคนมีปัญหาอะไรจึงมาหาเธอ และแทนที่จะแสดงความรู้ที่เน้นความแตกต่างระหว่างผู้ปรึกษาและผู้รับการปรึกษา เธอจึงแสดงสิ่งที่เธอสังเกตเห็นเป็นคำถามไม่ใช่เป็นข้อสังเกต การดำเนินงานอย่างมีมารยาทเช่นนี้ กลับชักชวนให้คนอื่นให้ข้อมูลเกี่ยวข้องกับปัญหายิ่งขึ้น
นอกจากนั้นแล้ว สำหรับบางคนที่ได้ทำงานอ่านใจแบบเย็นเป็นร้อย ๆ ครั้งแล้ว ทักษะของตนอาจจะดีขึ้นถึงกับคิดว่าตนสามารถอ่านใจได้จริง ๆ คือจะเริ่มถามตนเองว่า ความสำเร็จที่ได้เป็นเพราะความรู้ทางจิตวิทยา การรู้เอง หรือว่าความสามารถเหนือธรรมชาติทางจิตวิญญาณ นักวิมตินิยมในเรื่องเหนือธรรมชาติเรียกระยะความคิดเช่นนี้ว่า ช่วง "transcendental temptation" (การล่อใจอุตริวิสัย) นักประวัติศาสตร์ในเรื่องอาถรรพ์และเวทมนต์เตือนว่า ความรู้สึกเช่นนี้ อาจจะชักนำตนให้เชื่อในเรื่องไสยศาสตร์และนำไปสู่ความไร้เหตุผล