การรั่วไหลของน้ำมันดิบจากแท่นขุดเจาะดีพวอเทอร์ฮอไรซัน (หรือที่เรียกในชื่ออื่นว่า การรั่วไหลของน้ำมันดิบของบีพี หรือ การรั่วไหลของน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโก) เป็นเหตุการณ์น้ำมั่นรั่วขนาดใหญ่ในอ่าวเม็กซิโก ระหว่างวันที่ 20 เมษายน - 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 (86 วัน) ซึ่งนับว่าเป็นการรั่วไหลนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา บางแหล่งประเมินเมื่อประมาณปลายเดือนพฤษภาคมว่าเป็นการรั่วไหลของน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยปริมาณน้ำมั่นรั่วรวมหลายสิบล้านแกลลอน การรั่วครั้งนี้เกิดมาจากการที่น้ำมันพุ่งขึ้นจากใต้ทะเล ซึ่งเป็นผลจากการระเบิดของแท่นขุดเจาะน้ำมันดีพวอเตอร์ฮอไรซัน เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2553 การระเบิดครั้งนี้ทำให้คนงานเสียชีวิต 11 คน และบาดเจ็บ 17 คน
แท่นขุดแห่งนี้เป็นสัมปทานของบริติชปีโตรเลียม (BP) เป็นแท่นเจาะแบบเคลื่อนที่ ขณะเกิดเหตุระเบิด กำลังขุดเจาะน้ำมันดิบจากระดับความลึก 1,500 เมตร และจมลงเมื่อวันที่ 22 เมษายน 36 ชั่วโมงหลังการระเบิด
ในช่วงของการรั่วไหล ประมาณการว่ามีน้ำมันดิบรั่วไหลออกมาจากช่องเปิดใต้ทะเลระหว่างวันละ 12,000 ถึง 100,000 บาร์เรล (1.9 ล้าน ถึง 16 ล้านลิตรต่อวัน) ก่อให้เกิดภาวะปนเปื้อนเป็นอาณาบริเวณระหว่าง 6,500 ถึง 24,000 ตารางกิโลเมตร และภายหลังเหตุการณ์นี้ มีประมาณการว่ามีน้ำมันรั่วไหลทั้งสิ้น 4.9 ล้านบาร์เรล
องค์การคุ้มครองสิ่งแวดล้อมประกาศว่า บีพีได้ถูกสั่งห้ามทำสัญญาใหม่กับรัฐบาลสหรัฐชั่วคราว กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้ตกลงกับบีพีในการตั้งค่าปรับและค่าใช้จ่ายอื่นๆในเหตุการณ์นี้ถึง 4.525 พันล้านเหรียญ ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ แต่การดำเนินการด้านกฎหมายยังไม่มีความชัดเจนจนกว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี พ.ศ. 2557 เพื่อตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการพื้นฟูและประเมินความเสียหายของทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งในเดือนกุมภาพันธุ์ พ.ศ. 2556 สินไหมทางอาญาและทางแพ่งแก่กองทุนที่รับผิดชอบ มีค่าใช้จ่ายตกกับบีพี ราว 42.2 พันล้านเหรียญ
อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/การรั่วไหลของน้ำมันดิบจากแท่นขุดเจาะดีพวอเทอร์ฮอไรซัน