การปฏิวัติตูนิเซีย หรือ การปฏิวัติซีดีบูซีด หรือ การปฏิวัติดอกมะลิ เป็นการรณรงค์การต่อต้านของพลเมือง (civil resistance) อย่างเข้มข้น รวมถึงชุดการเดินขบวนตามท้องถนนซึ่งเกิดขึ้นในประเทศตูนิเซีย เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2553 และนำไปสู่การโค่นล้มประธานาธิบดีซึ่งครองอำนาจมาอย่างยาวนาน ซีน อัลอาบิดีน บิน อะลี (Zine El Abidine Ben Ali) ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2554 การเดินขบวนตามท้องถนนและความไม่สงบอื่น ๆ ยังดำเนินต่อมาจนถึงปัจจุบัน
การเดินขบวนประท้วงเป็นเหตุมาจากภาวะการว่างงานที่สูง ภาวะเงินเฟ้ออาหาร การฉ้อราษฎร์บังหลวง การขาดเสรีภาพในการแสดงออกตลอดจนเสรีภาพทางการเมืองอื่น ๆ และคุณภาพชีวิตที่เลว การประท้วงครั้งนี้เป็นคลื่นความไม่สงบทางสังคมและการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดในรอบสามทศวรรษ และได้ส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากพฤติกรรมของตำรวจและกองกำลังความมั่นคงต่อผู้ประท้วง การประท้วงเกิดขึ้นจากการจุดไฟเผาตัวเองของมุฮัมมัด อัลบูอะซีซี (Mohamed Al-Bouazizi) เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม และนำไปสู่การโค่นประธานาธิบดีบิน อะลีลงจากตำแหน่งในอีก 28 วันให้หลัง เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2554 เมื่อเขาลาออกอย่างเป็นทางการหลังหลบหนีไปยังซาอุดีอาระเบีย หลังครองอำนาจยาวนานกว่า 23 ปี มีรายงานว่า สหภาพแรงงานเป็นส่วนสำคัญในการประท้วง การประท้วงดังกล่าวเป็นแรงบันดาลใจแก่พฤติกรรมคล้ายกันทั่วโลกอาหรับ การปฏิวัติอียิปต์เริ่มขึ้นหลังเหตุการณ์ในตูนิเซีย และยังนำไปสู่การโค่นประธานาธิบดีอียิปต์ซึ่งครองอำนาจยาวนาน ฮุสนี มุบาร็อก ยิ่งไปกว่านั้น ยังเกิดขึ้นในประเทศในแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลางอีกหลายประเทศ
หลังบิน อะลีออกนอกประเทศ มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน รัฐบาลผสมรักษาการยังได้ถูกจัดตั้งขึ้น ซึ่งรวมไปถึงสมาชิกพรรคของบิน อะลี ได้แก่ พรรคอาร์ซีดี ในกระทรวงสำคัญหลายกระทรวง ขณะที่มีฝ่ายค้านอยู่ในกระทรวงอื่น ๆ โดยจะมีการจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีซึ่งไม่ได้มาจากพรรคอาร์ซีดีห้าคนได้ลาออกจากตำแหน่งเกือบจะในทันที และมีการประท้วงตามท้องถนนทุกวันในตูนิสและเมืองอื่นทั่วตูนิเซียยังดำเนินต่อไป โดยเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่ต้องไม่มีสมาชิกที่มาจากพรรคอาร์ซีดี และให้ยุบพรรคอาร์ซีดี วันที่ 27 มกราคม นายกรัฐมนตรีมุฮัมมัด อัลฆ็อนนูชี (Muhammad Al-Ghannushi) ได้สับเปลี่ยนตำแหน่งในรัฐบาล โดยปลดรัฐมนตรีที่มาจากพรรคอาร์ซีดีทั้งหมด ยกเว้นตัวเขาเพียงคนเดียว วันที่ 6 กุมภาพันธ์ รัฐมนตรีมหาดไทยคนใหม่ยุติกิจกรรมพรรคทั้งหมดของอาร์ซีดี โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง พรรคถูกยุบ ตามข้อเรียกร้องของผู้ประท้วง เมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554
หลังมีการประท้วงสาธารณะเพิ่มเติม อัลฆ็อนนูชีลาออกเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ และอัลบาญี กออิด อัสซับซี (Beji Caid el Sebsi) เป็นนายกรัฐมนตรีแทน สมาชิกรัฐบาลเฉพาะกาลอีกสองคนลาออกในวันรุ่งขึ้น วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554 ประธานาธิบดีประกาศว่า การเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญจะจัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554 จึงคาดกันว่าการเลือกตั้งทั่วไปจะถูกเลื่อนออกไปหลังวันนั้น
ประธานาธิบดีบิน อะลีปกครองตูนิเซียมาตั้งแต่ พ.ศ. 2530 รัฐบาลของเขา ซึ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อและในหมู่องค์การพัฒนาเอกชน ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศสเนื่องจาก "การจับกุมตัวพวกอิสลามมาลงโทษ [และ] วาระด้านเศรษฐกิจของเขาได้รับการชักชวนว่าเป็นรูปแบบที่หลักแหลมซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ได้ในแอฟริกาเหนือ และเขาพิสูจน์แล้วว่าเป็นพันธมิตรที่เด็ดเดี่ยวและกระตือรือร้นของสหรัฐอเมริกาที่เข้าไปมีส่วนพัวพันในโครงการส่งผู้ร้ายข้ามแดนซึ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก" ผลที่ตามมาคือ ปฏิกิริยาภายในละเมิดอำนาจของบิน อะลีจึงไม่มีการรายงานในสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศส และในหลายกรณีตัวอย่างของการประท้วงทางสังคมและการเมือง เมื่อเกิดขึ้นในประเทศตูนิเซียแล้ว น้อยครั้งที่จะปรากฏเป็นพาดหัวข่าวสำคัญในสื่อ
การประท้วงในตูนิเซียเกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งนัก และเป็นที่น่าสังเกตว่า โดยเฉพาะอย่างตูนิเซียมักจะถูกมองว่ามั่งคั่งและมีเสถียรภาพเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอัลญะซีเราะฮ์อิงกลิช ยังได้รายงานว่า นักเคลื่อนไหวชาวตูนิเซียเป็นกลุ่มที่เปิดเผยมากที่สุดในภูมิภาคของโลก โดยมีข้อความสนับสนุนหลายข้อความถูกโพสต์ลงในทวิตเตอร์เพื่อสนับสนุนอัลบูอะซีซี บทความที่ไม่เห็นด้วยกับบรรณาธิการในเครือข่ายเดียวกันยังได้กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเป็น "การประท้วงพลีชีพด้วยความสิ้นหวังของเยาวชนตูนิเซีย" นอกจากนี้ ยังได้ชี้ว่ากองทุนเอกภาพแห่งชาติและกองทุนการจ้างงานแห่งชาติเดิมได้ให้การสนับสนุนสินค้าและบริการในประเทศ แต่ได้เริ่มต้นเปลี่ยนแปลง "ภาระการจัดการจากรัฐสู่สังคม" เพื่อให้มีการนำเงินมาชำระโดย "ชุมชนแออัด" หรือเขตชุมชนห่างไกลความเจริญ ซึ่งตั้งอยู่รอบเมืองและชานเมืองที่ร่ำรวย นอกจากนี้ยังได้มีการอ้างถึง "การทำให้พื้นที่เกษตรกรรมและแห้งแล้ง ตลอดจนพื้นที่ทางใต้ของประเทศไม่มีความสำคัญยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่ลดละ" การประท้วงดังกล่าวยังได้ถูกเรียกว่าเป็น "การลุกฮือของประชาชน" เนื่องจาก "การรวมกันอย่างร้ายแรงของความยากจน ภาวะการว่างงาน และการเก็บกดทางการเมือง: คุณลักษณะสามประการที่ปรากฏในสังคมอาหรับส่วนใหญ่" อีกสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะความไร้ความสามารถของรัฐบาลตูนิเซียที่จะเซ็นเซอร์ข้อมูลไม่ให้ชาวตูนิเซียเข้าถึง อย่างเช่นข้อมูลจากวิกิลีกส์ที่อธิบายถึงการคอร์รัปชั่นอย่างรุนแรงในรัฐบาลตูนิเซีย
การประท้วงเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ในซีดีบูซีดส่วนใหญ่ไม่ได้รับความสนใจเท่าใดนัก ถึงแม้ว่าเว็บไซต์สื่อสังคม อย่างเช่น เฟซบุ๊กและยูทูบจะได้นำเสนอภาพของตำรวจสลายการชุมนุมของเยาวชนผู้ซึ่งทำลายกระจกของร้านค้าและรถยนต์ได้รับความเสียหาย ผู้ประท้วงคนหนึ่ง มุฮัมมัด อัลบูอะซีซี จุดไฟเผาตนเองเพื่อเป็นการประท้วงยึดแผงลอยขายผักและผลไม้ของเขา ในเวลาต่อมา เขาได้ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในตูนิส ที่ซึ่งเขาได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 4 มกราคม
มีรายงานว่าตำรวจพยายามขัดขวางการเดินขบวนและใช้แก๊สน้ำตากับผู้ชุมนุมเยาวชนหลายร้อยคนในซีดีบูซีด เมื่อตอนกลางเดือนธันวาคม พ.ศ. 2553 ผู้ชุมนุมได้รวมตัวกันนอกที่ทำการรัฐบาลส่วนภูมิภาคเพื่อประท้วงปฏิบัติต่อมุฮัมมัด อัลบูอะซีซี ซึ่งจุดไฟเผาตัวเองเพื่อเป็นการประท้วงที่ตำรวจยึดแผงลอยขายผักและผลไม้ขณะที่พยายามขายสินค้าอยู่ริมถนน การรายงานข่าวในสื่อตูนิเซียมีจำกัด เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกเสริมกำลังตามท้องถนนของเมือง
วันที่ 22 ธันวาคม ผู้ประท้วงอีกคนหนึ่ง ชื่อว่า ละฮ์ซีน นะญี ตอบสนองต่อ "ความหิวโหยและภาวะไม่มีงานทำ" ด้วยการอัตวินิบาตกรรมด้วยไฟฟ้า หลังจากปีนขึ้นไปบนเสาไฟฟ้า ร็อมซี อัลอับบูดี ก็ได้ทำอัตวินิบาตกรรมด้วยเช่นกันเนื่องจากปัญหาทางการเงินที่เกิดขึ้นจากหนี้ธุรกิจโดยโครงการเอกภาพวิสาหกิจรายย่อยของประเทศ วันที่ 24 ธันวาคม มุฮัมมัด อัลอะมารี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเข้าที่หน้าอกจนเสียชีวิต ในเมืองทางตอนกลางของประเทศ นอกจากนี้ ผู้ชุมนุมประท้วงรายอื่นก็ได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน รวมทั้งมีผู้เสียชีวิตอีกหนึ่งคนในวันที่ 30 ธันวาคม ตำรวจอ้างว่าพวกเขายิงผู้ประท้วงในการ "ป้องกันตนเอง" ตำรวจได้มีการประกาศ "กึ่งเคอร์ฟิว" ในเมืองในเวลาต่อมา
ต่อมา ความรุนแรงได้ปะทุขึ้นมาอีกเมื่อทางการและราษฎรจังหวัดซีดีบูซีด เผชิญหน้ากันอีกครั้งหนึ่ง การประท้วงได้ลุกลามไปถึงเมืองหลวงตูนิส เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม โดยมีพลเมืองราว 1,000 คน ออกมาแสดงความสามัคคี ร่วมกับราษฎรในซีดีบูซีด และเรียกร้องตำแหน่งงาน การเดินขบวนดังกล่าว ซึ่งจัดขึ้นโดยนักเคลื่อนไหวสหภาพการค้าอิสระ ถูกหยุกยั้งโดยเจ้าหน้าที่ความมั่นคง การประท้วงยังได้ลุกลามไปถึงเมืองซูซะฮ์ สแฟกซ์ และอัลมิกนาซี ในวันต่อมา สหพันธ์สหภาพแรงงานตูนิเซียได้จัดการเดินขบวนอีกครั้งหนึ่งในเมืองก็อฟเศาะฮ์ซึ่งถูกขัดขวางโดยเจ้าหน้าที่ความมั่นคงอีกเช่นเดียวกัน เป็นเวลาเดียวกับที่ทนายความราว 300 คน จัดการเดินขบวนของตนใกล้กับทำเนียบรัฐบาลในตูนิส การประท้วงได้ดำเนินต่อไปอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 29 ธันวาคม
วันที่ 30 ธันวาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถยับยั้งการประท้วงได้อย่างสงบในเมืองอัลมุนัสตีร ขณะที่ใช้กำลังขัดขวางการเดินขบวนเพิ่มเติมในอัสซะบีเคาะฮ์และเชบบะ การประท้วงยังคงดำเนินต่อไปในวันที่ 31 ธันวาคม และมีการเดินขบวนประท้วงและการชุมนุมสาธารณะเพิ่มเติมอีกโดยทนายความในตูนิสและเมืองอื่นหลังจากมีการปลุกระดมของสภาทนายความแห่งชาติตูนิเซีย นอกจากนี้ ยังได้มีรายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันว่ามีชายอีกคนหนึ่งพยายามทำอัตวินิบาตกรรมในอัลฮามมะฮ์
วันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2554 การประท้วงในธาลาปะทุรุนแรงขึ้นจากภาวะการว่างงานและค่าครองชีพที่สูง ได้มีการเดินขบวนซึ่งมีผู้เข้าร่วมประมาณ 250 คน ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนนักศึกษา เพื่อเป็นการสนับสนุนการประท้วงในซีดีบูซีด ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม โดยแก๊สกระป๋องหนึ่งได้ไปตกในบริเวณสุเหร่าท้องถิ่น มีรายงานว่าผู้ชุมนุมประท้วงตอบโต้จุดไฟเผายางรถยนต์และโจมตีสำนักงานของพรรคอาร์ซีดี ซึ่งเป็นพรรคของประธานาธิบดีบิน อะลี
การประท้วงบางส่วนเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงการตรวจพิจารณาออนไลน์ของรัฐบาล ที่ซึ่งภาพสื่อจำนวนมากได้รับการออกอากาศ ทางการตูนิเซียได้รับการกล่าวหาว่าดำเนินปฏิบัติการหลอกลวงเพื่อควบคุมรหัสผ่านของผู้ใช้และตรวจสอบการวิพากษ์วิจารณ์ออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์ของรัฐและเอกชนต่างก็ถูกเจาะระบบเข้าไปเช่นเดียวกัน
วันที่ 6 มกราคม ทนายความร้อยละ 95 จากทนายความทั้งประเทศ 8,000 คนได้ประท้วง ตามการระบุของประธานเนติบัณฑิตยสภาแห่งชาติ เขากล่าวว่า "การประท้วงส่งสารที่ชัดเจนว่าเราจะไม่ยอมรับการโจมตีอย่างไม่เป็นธรรมต่อทนายความ เราจะทำการประท้วงอย่างแข็งขันเฆี่ยนทนายความที่ผ่านมาไม่นานนี้" นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ในวันรุ่งขึ้น ครูได้เข้าร่วมการประท้วงด้วยเช่นกัน