ทหารรักษาพระองค์ญี่ปุ่น กองพลที่ 5 กองพลที่ 18 กองพลบินที่ 3 กองเรือเล็กบรรทุกอากาศยานที่ 22 กองทัพบกไทย
การทัพมาลายา เป็นชุดเหตุการณ์การรบระหว่างกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรกับกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นในบริติชมาลายา (มาลายาของบริเตน) นับตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ. 1941 ถึงวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1942 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง การรบที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นการรบทางบกระหว่างหน่วยรบต่างๆ ของเครือจักรภพอังกฤษและกองทัพบกจักรวรรดิญี่ปุ่น สำหรับสหราชอาณาจักร อินเดีย ออสเตรเลีย และสหพันธรัฐมาลายาแล้ว ยุทธการครั้งนี้นับได้ว่าเป็นหายนะ
ยุทธการนี้เป็นที่จดจำจากการใช้ทหารราบจักรยาน (bicycle infantry) ซึ่งช่วยให้กองกำลังสามารถขนย้ายยุทธปัจจัยและเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วในภูมิประเทศที่เป็นป่าทึบ กรมทหารช่างหลวงของอังกฤษ (Royal Engineers) ได้ทำลายสะพานนับร้อยแห่งด้วยระเบิดระหว่างการล่าถอย ซึ่งช่วยให้สามารถถ่วงเวลาการรุกของกองทัพญี่ปุ่นได้เล็กน้อย เมื่อญี่ปุ่นสามารถยึดสิงคโปร์ได้สำเร็จนั้น ปรากฏว่าสหราชอาณาจักรสูญเสียกำลังรบ 9,600 นาย
ในระหว่างช่วงสงคราม ยุทธศาสตร์การทหารของกองทัพสหราชอาณาจักรในภูมิภาคตะวันออกไกลอยู่ในสภาพย่ำแย่เนื่องจากขาดทั้งความระมัดระวังและเงินทุน แผนการของรัฐบาลสหราชอาณาจักรในกรณีที่เกิดความเป็นศัตรูใดๆ ก็ตามนั้น พึ่งพากับการประจำการของกองเรือรบที่เข้มแข็งในฐานทัพเรือสิงคโปร์เป็นหลัก เพื่อป้องกันทั้งการยึดครองของสหราชอาณาจักรในภูมิภาคตะวันออกไกลและเส้นทางเดินเรือสู่ออสเตรเลีย การดำรงอยู่ของทัพเรือที่เข้มแข็งเช่นนี้ถูกถือว่าเป็นการแสดงออกซึ่งการขัดขวางบัรรดาผู้รุกรานที่อาจเป็นไปได้ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามในปี ค.ศ. 1940 พลโทไลโอเนล บอนด์ (Lionel Bond) ผู้บัญชาการกองทัพมลายา ได้ยอมรับว่าการป้องกันสิงค์โปร์อย่างได้ผลนั้นจำเป็นต้องอาศัยการปัองกันจากทั่วทั้งคาบสมุทร และฐานทัพเรือเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงที่จะขัดขวางการบุกของญี่ปุ่นได้ ยุทธศาสตร์การป้องกันของสหราชอาณาจักรจึงขึ้นอยู่กับสมมติฐานสองประการ อย่างแรกคือจะต้องมีการเตือนภัยแต่เนิ่นๆ ในเวลาที่เพียงพอที่จะให้มีการระดมกำลังเสริมของกองทัพสหราชอาณาจักรได้ อย่างที่สองคือทางสหรัฐอเมริกาจะให้ความช่วยเหลือในกรณีที่เกิดการโจมตีขึ้น แต่เมื่อถึงปลาย ค.ศ. 1941 ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าสมมติฐานทั้งสองประการนี้ไม่มีทางที่จะเป็นจริงได้
ในช่วงที่เริ่มสงครามโลกครั้งที่ 2 การจัดสรรกำลังพลและทรัพยากรได้เน้นความสำคัญไปที่เมืองแม่ของสหราชอาณาจักรและตะวันออกกลางในระดับสูงยิ่ง ความต้องการกำลังอากาศยานจำนวน 300-500 ของกองทัพอากาศมลายาไม่เคยได้รับการตอบสนอง เมื่อกองทัพญี่ปุ่นทำการบุก ฝ่ายญี่ปุ่นมีกำลังรบเป็นรถถังจำนวน 200 กว่าคัน ประกอบด้วยรถถัง "ไทป์ 95 ฮะ-โงะ", "ไทป์ 97 ชิ-ฮะ", "ไทป์ 89 อิ-โงะ" และ "ไทป์ 97 เตะ-เกะ" ส่วนกำลังรบของฝ่ายวงไพบูลย์ร่วมของสหราชอาณาจักร (Commonwealth) ประกอบด้วยรถหุ้มเกราะ แลนเชสเตอร์ 6x4 (Lanchester 6x4 Armoured Car), รถหุ้มเกราะ มาร์มอน-เฮอร์ริงตัน (Marmon-Herrington Armoured Car), Universal Carrier และรถถังเบา MK-VI (Light Tank Mk VI) อีกเพียงจำนวนเล็กน้อย ซึ่งไม่เพียงพอจะใช้ทำสงครามยานเกราะ (armoured warfare) ได้ กองทัพสหราชอาณาจักรมีแผนที่จะชิงทำการบุกภาคใต้ของประเทศไทยก่อนฝ่ายญี่ปุ่นภายใต้ชื่อปฏิบัติการมาทาดอร์ เพื่อยับยั้งการยกพลขึ้นบกของกองทัพญี่ปุ่น แต่ได้ระงับการดำเนินแผนการไป[ต้องการอ้างอิง]