การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ หรือ การจำแนกชั้นทางชีววิทยา หมายถึงการจัดกลุ่มและหมวดหมู่สปีชีส์ของสิ่งมีชีวิต ทั้งที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่สูญพันธุ์ไปแล้ว การจำแนกในยุคปัจจุบันอาศัยรากฐานจากระบบการจำแนกของ คาโรลัส ลินเนียส นักพฤกษศาสตร์ผู้จัดกลุ่มสปีชีส์ต่าง ๆ โดยดูจากลักษณะเฉพาะทางกายภาพ การจัดกลุ่มแบบนี้ได้มีการปรับปรุงอยู่เสมอเพื่อให้สอดคล้องกับหลักดาร์วิน ส่วนมากเป็นผลมาจากการศึกษาอนุกรมวิธานระดับโมเลกุลด้วยการวิเคราะห์จีโนม ในการแบ่งอย่างกว้างๆจะแบ่งได้ 2 ระดับ คือ ลำดับขั้นสูง และ ลำดับขั้นต่ำ
ลำดับขั้นสูง (อังกฤษ:Major Taxa) หมายถึง ลำดับขั้นที่พิจารณาได้จากลักษณะของสิ่งมีชีวิตโดยสังเขป สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในลำดับขั้นสูงเดียวกัน มีลักษณะบางอย่างคล้ายคลึงกันหรือมีลักษณะร่วมกันอย่างกว้างขวาง ลำดับดับขั้นสูงที่เล็กลงมาแสดงความคล้ายคลึงกัน หรือมีลักษณะร่วมกันแคบลงมาตามลำดับ ลำดับขั้นสูงทั้งหมดสามารถจัดเรียงลำดับ จากลำดับขั้นที่สูงที่สุดลงมาได้ ดังนี้
โดเมน (อังกฤษ:Domain ละติน:Regio) เป็นระดับหรือหมู่ที่ใหญ่ที่สุดของสิ่งมีชีวิต ใช้ในการการจัดหมวดหมู่สิ่งมีชีวิตในโลก โดยปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 โดเมนคือ โดเมนยูแคริโอต โดเมนอาร์เคีย และโดเมนแบคทีเรีนค้วุฟยวงฟางดไ
อาณาจักร (อังกฤษ:Kingdom ละติน:Regnum) เป็นระดับหลักในปัจจุบัน ใช้ในการแบ่งสิ่งมีชีวิตในแต่ละโดเมนออกจากกัน ตามลักษณะทางกายภาพพื้นฐานอันสังเกตได้ แรกเริ่มเดิมที ในปีค.ศ. 1735 คาโรลัส ลินเนียส ได้แบ่งสิ่งมีชีวิตออกเป็น 3 พวก คืออาณาจักรพืช อาณาจักรสัตว์ และส่วนที่เหลือซึ่งไม่ได้จัดอันดับ ต่อมานักวิทยาศาสตร์รุ่นหลังได้ศึกษาวิจัย และแบ่งจำแนกสั่งมีชีวิตอย่างละเอียดขึ้น จนในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 10 อาณาจักร อันได้แก่ อาณาจักรพืช อาณาจักรสัตว์ อาณาจักรฟังไจ อาณาจักรโพรทิสตา อาณาจักรโครมาลวีโอลาตา อาณาจักรเอกซ์คาวาตา อาณาจักรไรซาเรีย อาณาจักรอะมีโบซัว อาณาจักรอาร์คีแบคทีเรีย และอาณาจักรยูแบคทีเรีย
ตอน หรือ ไฟลัม (อังกฤษ:Phylum) หรือ ส่วน (อังกฤษ:Division ละติน:Divisio) เป็นลำดับขั้นสูงที่รองลงมาจากอาณาจักร ใช้แบ่งส่วนย่อยของอาณาจักร ไฟลัมถือเป็นคำฐาน แต่ในวงแคบเราจะใช้คำว่า ส่วน ในการจำแนกพืช และฟังไจ ไฟลัมที่สำคัญๆ ได้แก่ ไฟลัมสัตว์ขาปล้อง หรืออาร์โธรพอด (Arthropoda) ไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง (Chordata) ส่วนพืชดอก (Magnoliophyta)
สำหรับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงบางพวก เช่นพืช และสัตว์ บางพวก มีความซับซ้อนในการแบ่งย่อยในระดับไฟลัม ก็จะจัดอันดับไฟลัมใกล้เคียงกัน ขึ้นเป็นไฟลัมใหญ่ และไฟลัมใหญ่ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน จะจัดอันดับรวมกันเป็นอาณาจักรย่อย ในทางเดียวกัน ไฟลัมที่มีสมาชิกในไฟลัมมาก จะจัดกลุ่มสมาชิกรวมกันเป็นไฟลัมย่อย และไฟลัมย่อยที่มีสมาชิกมาก ก็จัดกลุ่มรวมกันเป็นไฟลัมฐาน ตามลำดับ
การตั้งชื่อไฟลัมนั้นหากเป็นไฟลัม (ส่วน) ของพืชหรือโครมาลวีโอลาตา จะลงปัจจัย (suffix) ว่า -phyta ส่วนฟังไจจะลงปัจจัย -mycota เช่น Magnoliophyta (พืชดอก) ส่วนอาณาจักรสัตว์ ไม่พบว่ามีการลงปัจจัยเป็นพิเศษ แต่มักลงท้ายด้วย -a เช่น Arthropoda ในไฟลัมย่อยก็มีการลงปัจจัยเช่นกัน แต่จะเปลี่ยนเป็น ลงปัจจัย -phytina ในพืชและโครมาลวีโอลาตา และลงปัจจัย -mycotina ในฟังไจ
ชั้น (อังกฤษ:Class ละติน:Classis) ใช้แบ่งส่วนย่อยของไฟลัมหรือไฟลัมย่อยออกเป็นกลุ่มย่อยลงมา ซึ่งสามารถเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้น แต่ยังถือเป็นมุมกว้างๆ เช่น ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (Mammalia) ชั้นนก (Aves) ชั้นแมลง (Insecta) ชั้นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก (Amphibians) ชั้นปลากระดูกอ่อน (Chondrichthyes) ชื่อของชั้นใช้ภาษาละติน และในพืชจะลงปัจจัยด้วย -opsida เช่น ชั้นพืชใบเลี้ยงคู่ (Magnoliopsida) และ ชั้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว (Liliopsida) ส่วนในโครมาลวีโอลาตาลงปัจจัยว่า -phyceae เช่น ขณะที่ฟังไจลงปัจจัยด้วย -mycetes เช่น Agaricomycetes เป็นชั้นเห็ดชั้นหนึ่ง และแบคทีเรียลงปัจจัย -ia ส่วนในสัตว์ไม่พบการลงปัจจัยเป็นหลักมาตรฐาน
ตระกูล หรือ อันดับ (อังกฤษ:Order ละติน:Ordo) ใช้แบ่งชั้นหรือชั้นย่อยออกเป็นกลุ่มย่อยลงมา รูปธรรมจะชัดเจนและแบ่งแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้นกว่าระดับชั้น เช่นชั้นนก อาจจะแบ่งออกได้เป็น อันดับนกเกาะคอน (Passeriformes) อันดับไก่ (Galliformes) และอีกหลายๆอันดับ ในทางเดียวกัน ชั้นพืชใบเลี้ยงคู่ ก็อาจแบ่งย่อยลงได้เป็น แอสทีราเลส หรืออันดับแอสเตอร์ (Asterales) ไมยร์ทาเลส หรืออันดับหว้า (Myrtales) แซพินเดลิส หรืออันดับเงาะ (Sapindales) เป็นต้น การตั้งชื่ออันดับจะนิยมลงปัจจัยด้วย -ales ดังตัวอย่างข้างต้น
วงศ์ (อังกฤษ:Family ละติน:Familia) เป็นลำดับขั้นสูงที่เล็กที่สุด มีการแบ่งเฉพาะเจาะจงในรายละเอียดเพิ่มมากขึ้น ชื่อของวงศ์ใช้ภาษาละตินมักลงปัจจัยด้วย -aceae ในพืช โครมาลวีโอลาตา ฟังไจ และแบคทีเรีย ส่วนในอาณาจักรสัตว์จะลงปัจจัย -idae สิ่งมีชีวิตในแต่ละวงศ์ประกอบด้วยสมาชิกที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน นั่นคือ สิ่งมีชีวิตในสกุลต่างกัน แต่อยู่ในวงศ์เดียวกันจะมีส่วนที่ใกล้เคียงกัน มักเป็นลักษณะตามระบบธรรมชาติที่แสดงความเกี่ยวพันทางวิวัฒนาการ แต่บางวงศ์เป็นลักษณะตามระบบเสริมธรรมชาติ เพียงอาศัยความ สะดวกในการจัดเท่านั้น
ในพืชชั้นสูงอาศัยลักษณะที่ใช้ในการจัดวงศ์ จากลักษณะโครงสร้างทางลำต้น และทางการสืบพันธุ์ที่สามารถถ่ายทอดได้ ได้แก่ นิสัยการเจริญเติบโต การเรียงใบ การเกิดเพศดอก บนต้น ชนิดช่อดอก สมมาตรดอก จำนวนกลุ่มของเกสรตัวผู้ จำนวนและการเชื่อมติดกันของเกสรตัวเมีย ตำแหน่งรังไข่ ตำแหน่งไข่อ่อน ชนิดรก ชนิดผลไม้ และคัพภะวิทยา
พืชบางตระกูลมีลักษณะบางประการที่บ่งชี้ชัดเจน เช่น วงศ์ทานตะวัน (Compositae) มีช่อดอกแบบช่อกระจุกแน่น (head/ capitulum) ส่วนในวงศ์ผักชี (Umbelliferae) มีช่อดอกแบบช่อซี่ร่ม (umbel) และผลแยกแล้วแตก (schizocarp) และ วงศ์ก่วม (Aceraceae) มีผลแยกแล้วแตกและมีปีก (winged schizocarp) แต่ในวงศ์กุหลาบ (Rosaceae) มีผลแตกต่างไปตามวงศ์ย่อย
สิ่งมีชีวิตแต่ละตระกูลอาจมีสมาชิกมากน้อยเพียงใดก็ได้ เช่น วงศ์ทานตะวัน และวงศ์กล้วยไม้ เป็นวงศ์ใหญ่ที่สุดวงศ์หนึ่งของอาณาจักรพืช มีสมาชิกประมาณ 22,000 ชนิด ส่วนวงศ์ Leitneriaceae มีสมาชิก 1 สกุล และ 1 ชนิด บางครั้งนำไปรวมไว้กับวงศ์มะยมป่า (Simaroubaceae) และในบางครั้งที่สกุลใดๆ มีลักษณะอันแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจนกับวงศ์ที่สังกัดอยู่ ก็จะมีการแบ่งวงศ์ออกมาใหม่ เช่น วงศ์นกเขียวก้านตอง และวงศ์นกแว่นตาขาว แยกออกมาจากวงศ์นกเขียวคราม
เผ่า (อังกฤษ:Tribe) เป็นลำดับการจำแนกที่ไม่ใช่ลำดับการจำแนกหลัก จะนิยมนำมาใช้ในการแบ่งวงศ์ขนาดใหญ่ โดยจะแบงเป็นวงศ์ย่อยก่อน และหากวงศ์ย่อยยังมีขนาดใหญ่จึงจะแบ่งออกเป็นเผ่า ชื่อของเผ่าใช้ภาษาละตินและลงปัจจัย -eae สำหรับพืช โครมาลวีโอลาตา ฟังไจ และแบคทีเรีย ส่วนอาณาจักรสัตว์ ลงปัจจัย -ini เช่น ตระกูลย่อยของส้ม (Aurantioideae) แบ่งออกเป็น 2 เผ่า คือ Citreae และ Clauseneae
ลำดับขั้นต่ำ (อังกฤษ:Minor Taxa) หมายถึง ลำดับขั้นที่สิ่งมีชีวิตแสดงความคล้ายคลึงกันมากขึ้น หรือมีลักษณะร่วมกัน แคบลงมากกว่าลำดับขั้นสูง นับเป็นลำดับขั้นที่สำคัญมากและใช้สำหรับชื่อทั่วไปของสิ่งมีชีวิต นักจัดจำพวกจะทำงานกับลำดับขั้นต่ำมากกว่าลำดับขั้นสูง ลำดับขั้นต่ำทั้งหมดสามารถจัดเรียง ลำดับจากลำดับขั้นที่สูงที่สุดลงมาได้ ดังนี้
สกุล (อังกฤษ:Genus) เป็นลำดับขั้นต่ำที่รองลงมาจากวงศ์ สิ่งมีชีวิตแต่ละวงศ์ประกอบด้วยสมาชิกหนึ่งสกุลหรือมากกว่า (genera) สิ่งมีชีวิตหลายชนิดที่อยู่ในสกุลเดียวกัน มักมีโครงสร้างทางกายภาพที่เหมือนกัน 2-3 ลักษณะ การเรียกชื่อสิ่งมีชีวิตในระดับขั้นต่ำประกอบด้วยชื่อ 2 คำ หรือชื่อทวินาม (binomial nomenclature) ชื่อคำแรกเป็นชื่อสกุลและชื่อคำหลังเป็นชื่อชนิด เช่น นกเขียวก้านตองปีกสีฟ้า (Chloropsis cochinchinensis) เป็นชนิด (สปีชีส์) ของสกุลนกเขียวก้านตอง (Chloropsis)
ชื่อสกุลใช้ภาษาละติน โดยไม่มีการลงปัจจัยต่อท้าย แต่ต้องขึ้นต้นด้วยอักษรตัวใหญ่และชื่อเป็นเอกพจน์เสมอ สกุลอาจมีขนาดใหญ่หรือเล็กก็ได้ บางสกุลมีสมาชิกเพียงชนิดเดียวเรียกว่า monotypic genus เช่น Leitneria มีสมาชิกเพียงชนิดเดียว คือ L. floridana ขณะที่ Senecio ในวงศ์ทานตะวัน มีสมาชิก 2,000-3,000 ชนิด
ชื่อสกุลในอาณาจักรหนึ่งสามารถซ้ำกับชื่อสกุลหรือชื่อในอนุกรมวิธานของอาณาจักรอื่นได้ ตัวอย่างเช่น Aotus เป็นชื่อสกุลของถั่วและลิง เป็นต้น แต่ชื่อสกุลในอาณาจักรหนึ่ง ๆ ต้องห้ามซ้ำกัน
ชั้น (อังกฤษ:Section) ใช้แบ่งส่วนย่อยของสกุล เมื่อสิ่งมีชีวิตเป็นกลุ่มใหญ่และมีความซ้ำซ้อนมาก เช่น Lepidoploa, Caninae
สปีชีส์ หรือ ชนิด (อังกฤษ:Species) คือกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะทางกายภาพคล้ายคลึงกันมาก จนแยกออกจากกันได้ยาก สปีชีส์หรือชนิด เป็นหน่วยพื้นฐานของการศึกษาการจัดจำพวก ลำดับขั้นนี้ ได้รับการศึกษามากกว่าลำดับขั้นอื่นใด ชนิด หมายถึง หน่วยตามธรรมชาติที่มีขนาดเล็กที่สุดของประชากร สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน ประกอบด้วยกลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะเบื้องต้นคล้ายคลึงกัน และความคล้ายคลึงกันนี้แตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตกลุ่มอื่น และหากมีการเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่ไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมใหม่ จะเกิดการพัฒนาในอีกแขนงหนึ่งและกลายเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่นในที่สุด
ชนิดพันธุ์หรือสปีชีส์ ที่มีลักษณะปลีกย่อยต่างกัน มักจะแบ่งออกเป็นชนิดพันธุ์ย่อย หรือสปีชีส์ย่อย (Subspecies)
พันธุ์ (อังกฤษ:Variety (พืช) / Breed (สัตว์)) ใช้กับประชากรของสิ่งมีชีวิตเฉพาะ พืช และสัตว์ ที่เกิดการแปรผัน อันเนื่องมาจากสภาพภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศ หรือนิเวศวิทยา สิ่งมีชีวิตมีการปรับตัวแปรผันนั้น ซึ่งมีผลทำให้ลักษณะทางพันธุกรรมเปลี่ยนแปลงไป และแสดงออกมาทางลักษณะสัณฐานวิทยาและสรีรวิทยาเรียกว่า รูปแบบตามนิเวศ (ecotype) ลำดับขั้นนี้มี 2 ลักษณะตามข้อคิดเห็นที่เป็น 2 แบบ คือ
เป็นลำดับขั้นรองลงมาจากชนิดย่อย (สปีชีส์ย่อย) ชื่อของพันธุ์ทางพฤกษศาสตร์ใช้ภาษาละติน ใช้เขียนต่อท้ายชื่อทวินาม และมีคำย่อของคำว่า พันธุ์ (var.) อยู่ด้วย ทำให้มีชื่อเป็น 3 คำ (ชื่อไตรนาม) (trinomial) ใช้แสดงการแปรผันทางสัณฐานวิทยาที่มองเห็นได้ยาก การกระจายตัวทางภูมิศาสตร์ นิเวศวิทยา และนิสัยการเจริญเติบโต เช่น ท้อไม่มีขน (Prunus Persica var. nucipersica) ชมพู่มะเหมี่ยว (Eugenia malaccensis var. purpurea) โดยในการเขียนจะใช้ตัวเอียง เพื่อบ่งว่าเป็นชื่อพันธุ์ทางวิทยาศาสตร์
เป็นลำดับขั้นรองลงมาจากชนิดย่อย (สปีชีส์ย่อย) เช่นเดียวกันแต่ไม่ใช้ภาษาละติน ใช้เขียนต่อท้ายชื่อทวินาม และมีคำว่า พันธุ์ (var.) เช่นเดียวกัน โดยชื่อสิ่งมีชีวิตนั้นยังคงเป็นลักษณะของชื่อทวินามเหมือนเดิม เช่น ส้มวาเลนเซีย (Citrus sinensis var. Valencia) กรณีที่เป็นพันธุ์ผสมตามธรรมชาติก็ใช้ var. แบบเดียวกัน มะพร้าวสวีลูกผสม 1 (Cocos nucifera var. Swee1) แต่หากเป็นพันธุ์ผสมแบบปรับปรุงสายพันธุ์จะใช้ตัวย่อ cv. (Cultivated Variety) เช่น ข้าวขาวดอกมะลิ 105 (Oryza sativa L. cv. Khao Dowk Mali 105 หรือ Oryza sativa cv. KDML 105) และการผสมข้ามสายพันธุ์จะใช้คำกำกับว่า Hybrid และใช้อัญประกาศเดี่ยวกำกับชื่อพันธุ์ เช่น บัวศรีวิชัย (Nymphaea Hybrid 'Srivijaya')
รูป (อังกฤษ: Forma) ใช้กับพืช เป็นลำดับขั้นต่ำที่ต่ำที่สุด แสดงถึงลักษณะที่แปรผันของลักษณะสัณฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ในพืชแต่ละต้นของประชากรหนึ่งๆ เช่น สีดอก สีผล สีที่เปลี่ยนไปเนื่องจากการผ่าเหล่า และมักใช้เป็นคำนำหน้าคำเดิม ตัวอย่างลักษณะสีผล เช่น Red Jonathan, Red Bartlett, Red Delicious, Golden Delicious
อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์