กวางป่า หรือ กวางม้า หรือ กวางแซมบาร์ (อังกฤษ: Sambar deer; ชื่อวิทยาศาสตร์: Rusa unicolor หรือ Cervus unicolor) เป็นกวางขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง พบกระจายพันธุ์ในประเทศศรีลังกา, อินเดีย, พม่า, ไทย, จีน, ไต้หวัน, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, สุมาตรา, บอร์เนียว และหมู่เกาะซีลีเบส
นับเป็นกวางที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่พบได้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความยาวลำตัวและหัว 180-200 เซนติเมตร ความยาวหาง 25-28 เซนติเมตร และหนักได้ถึง 185-220 กิโลกรัม โดยทั่วไปเพศผู้จะมีขนาดใหญ่กว่าเพศเมีย มีขนสั้นหยาบสีน้ำตาลแกมเหลือง บางตัวน้ำตาลแกมแดง พบตามป่าดงดิบทุกภาค ทั้งในป่าระดับต่ำ ป่าสูง ชอบหากินตามทุ่งโล่ง ชายป่า ในตอนเช้าตรู่และพลบค่ำ กลางวันจะหลับนอนตามพุ่มไม้ใกล้ชายป่า จะกินพืช ทั้งใบ ยอด และต้องการดินโป่ง ในธรรมชาติชอบอยู่ตัวเดียวหรืออยู่เป็นกลุ่มเล็กๆ พร้อมลูก ๆ ฤดูผสมพันธุ์ส่วนใหญ่เป็นฤดูหนาว
ลักษณะที่บ่งบอกถึงสุขภาพกวางที่สมบูรณ์ สังเกตได้จากขนตามลำตัวมันเงา ดวงตาแจ่มใส จมูกชื้น มูลเป็นเม็ด ไม่มีกลิ่น ปัสสาวะใส ไม่แยกตัวออกจากฝูง ร่างกายไม่ผอมผิดปกติ ส่วนการระวังภัยของกวางป่า เมื่อได้ยินหรือเห็นสิ่งผิดปกติ จะชูคอหันหน้า ใบหูทั้ง 2 ข้างหันไปยังทิศทางที่ได้ยินหรือเห็น หางจะชี้ขึ้น ยืนนิ่งเงียบ จากนั้นจะส่งเสียงร้องแหลมดังขึ้น ถ้าอยู่กันหลายตัวจะไปยืนรวมกัน เมื่อมีตัวใดตัวหนึ่งตื่นและวิ่ง จะทำให้ตัวอื่นทั้งหมดวิ่งตามได้ การโกรธ ทำร้าย และการต่อสู้ มีพฤติกรรมกัดฟันเสียงดังกรอด ๆ ร่องใต้ตาทั้งสองข้างเบิกลึกกว้างพร้อมกับเดินส่ายหัวเข้าหาศัตรูอย่างช้า ๆ แล้วก้มหัวลงเพื่อให้ปลายเขาชี้เข้าหาศัตรู
กวางป่าชนิดย่อยที่พบในประเทศอินเดียและศรีลังกาเป็นกลางป่าที่มีขนาดเขาใหญ่ที่สุดทั้งขนาดและเมื่อเทียบกับสัดส่วนลำตัว กวางป่าจีนใต้ในตอนใต้ของจีนและแผ่นดินใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีขนาดเขารองลงมาจากกวางป่าอินเดีย โดยมีขนาดเขาเล็กกว่ากวางป่าอินเดียเล็กน้อย กวางป่าสุมาตราที่อาศัยในคาบสมุทรมาเลและเกาะสุมาตรา และกวางป่าบอร์เนียวมีเขาขนาดเล็กที่สุดเมื่อเทียบกับสัดส่วนลำตัว กวางป่าฟอร์โมซามีขนาดเล็กที่สุด ด้วยขนาดสัดส่วนลำตัว ซึ่งคล้ายคลึงกับกวางป่าจีนใต้
ปัจจุบัน มีกวางป่า 7 ชนิดซึ่งเป็นที่ยอมรับ แม้ว่าจะมีชนิดย่อยอื่นจำนวนมากที่ได้รับการเสนอ
จากการวิเคราะห์ทางพันธุศาสตร์แสดงญาติที่ใกล้ชิดที่สุดของกวางป่า อาจเป็นกวางรูซ่า (R. timorensis) ที่กระจายพันธุ์ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีรายงานสนับสนุนที่ว่ากวางป่าสามารถผสมพันธุ์กับกวางรูซ่าและให้กำเนิดลูกผสมที่สามารถสืบพันธุ์ได้ และมีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ของกวางป่าจากสมัยสมัยไพลสโตซีนตอนต้น แม้ว่าจะมีการค้นพบกวางดึกดำบรรพ์ที่คล้ายกว่าป่าจากสมัยไพลโอซีน แต่กวางชนิดนี้กลับคล้ายกวางในปัจจุบันน้อยมาก กวางป่าได้รับการเสนอว่าอาจเกิดขึ้นครั้งแรกในเอเชียใต้ ภายหลังจึงกระจายพันธุ์ไปยังถิ่นอาศัยในปัจจุบัน จากการขุดค้นสำรวจของ ดร.เชตเตอร์ เกอร์แมน นักโบราณคดีแห่งมหาวิทยาลัยฮาวาย ได้สำรวจบริเวณถ้ำผี อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้พบหลักฐานของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์อายุราว 1,200 ปี ซึ่งจัดเป็นพวกเดียวกับวัฒนธรรมหันบินห์หรือฮัอบินเหียนในเวียดนาม พบกระดูกของกวางป่า, แมวป่า, กระรอก, ปู, ปลา, หอย พบเมล็ดพืชหลายชนิด เช่น หมาก
จะมีการเปลี่ยนแปลงสีขนให้กลมกลืนไปกับธรรมชาติรอบ ๆ ตัว ในลูกกวางป่าจะพบว่ามีลายจุดบนตัว หย่อมขนสีบริเวณสองข้างของตะโพก เมื่อเวลาตกใจหรือพบเห็นภัยอันตราย หย่อมขนสีนี้จะเข้มขึ้นและเป็นประกายอย่างเห็นได้ชัดเจน สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล เป็นสัญญาณเตือนภัยให้แก่กวางตัวอื่น ๆ ภายในฝูง
กวางป่าตัวผู้จะสามารถผลัดเปลี่ยนเขาได้ทุกปี คือเมื่อใกล้ถึงฤดูผสมพันธุ์จะมีการสร้างเขา ซึ่งคือโครงสร้างของมวลคล้ายกระดูกอ่อนที่ยังมีเลือดไปหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลาได้ มีหนังที่เต็มไปด้วยขนสั้นละเอียดและหนาแน่นคล้ายผ้ากำมะหยี่หุ้ม การที่กวางป่ามีเขางอกออกมาจากบริเวณหัว เพื่อใช้สำหรับต่อสู้หรือดึงดูดเพศเมียในฤดูผสมพันธุ์
ต่อมกลิ่นโดยเฉพาะในกวางป่าเพศผู้ จะมีแอ่งน้ำตาขนาดใหญ่ เรียกว่าต่อมใต้กระบอกตา ทำหน้าที่คัดหลั่งสารที่มีกลิ่นฉุนมากให้ไหลออกตามร่องน้ำตาที่มุมตาด้านใน โดยจะเอาหน้าไปเช็ดถูตามต้นไม้เพื่อเป็นการสื่อสารและบ่งบอกถึงอาณาเขตที่อยู่ของตน จะขยายใหญ่ช่วงฤดูผสมพันธุ์