กลุ่มอาการหลงผิดว่าตายังคงอยู่ (อังกฤษ: Phantom eye syndrome, ตัวย่อ PES) รวมความเจ็บปวดที่ตาและการเกิดประสาทหลอนทางตา หลังจากที่เอาตาข้างใดข้างหนึ่งออกโดยควักลูกตา (enucleation) หรือการควักเนื้อในลูกตา (evisceration)
ความเจ็บปวดและความรู้สึกอื่น ๆ ในอวัยวะที่ไม่มี เกิดจากความเปลี่ยนแปลงในระบบประสาทกลางที่เกิดขึ้นเนื่องจากการตัดประสาท (denervation) จากอวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง แต่ว่า ความเจ็บปวดในตาที่ไม่มีเกิดขึ้นน้อยกว่าการเจ็บปวดในอวัยวะอื่นเช่นแขนขาเป็นต้นที่ไม่มี ความเจ็บปวดในแขนขาที่ตัดออกมีอัตราความชุกประมาณ 50% ถึง 78% เปรียบเทียบกับความเจ็บปวดในลูกตาที่เอาออกประมาณ 30%
เชื่อกันว่า ความเปลี่ยนแปลงในคอร์เทกซ์ที่มีแผนที่ภูมิลักษณ์ของเนื้อเยื่อรับความรู้สึก (คือใน cortical homunculus) จุดใกล้กับอวัยวะที่ตัดออกไป มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดขึ้นของความเจ็บปวดและความรู้สึกอื่น ๆ ในอวัยวะที่ไม่มี เหตุผลที่มีคนไข้ที่มีความเจ็บปวดในตาที่ไม่มี น้อยกว่าคนไข้ที่มีความเจ็บปวดในแขนขาที่ไม่มี อาจจะเป็นเพราะระบบรับความรู้สึกทางกายมีเขตแผนที่ภูมิลักษณ์ของลูกตาที่เล็กกว่าของแขนขา
สำหรับผู้ที่ตัดแขนขาออก งานวิจัยหลายงานพบว่าบางคน มีสหสัมพันธ์ระหว่างความเจ็บปวดในอวัยวะที่จะตัดออกก่อนผ่าตัด กับความเจ็บปวดในอวัยวะที่ไม่มีหลังผ่าตัด มีความสัมพันธ์ที่สำคัญระหว่างความเจ็บปวดก่อนผ่าตัดตาและอาการปวดหัว กับความรู้สึกทั้งที่ประกอบด้วยความเจ็บปวดและไม่ประกอบด้วยความเจ็บปวดในตาที่ไม่มีหลังผ่าตัด แต่ว่าด้วยข้อมูลที่มีอยู่ ยังยากที่จะตัดสินว่า อาการปวดศีรษะและความเจ็บปวดที่ตาก่อนผ่าตัดเป็นเหตุของการเกิดขึ้นของความรู้สึกในตาที่ไม่มี หรือว่า อาการปวดศีรษะและความเจ็บปวดที่ตาก่อนผ่าตัด และความรู้สึกในตาที่ไม่มีหลังผ่าตัด ล้วนแต่เป็นผลที่เกิดขึ้นมาจากเหตุอย่างอื่น อย่างไรก็ดี งานวิจัยในมนุษย์ได้แสดงแล้วว่า ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในช่วงงานวิจัย นำไปสู่การจัดระเบียบใหม่อย่างรวดเร็วของคอร์เทกซ์รับความรู้สึกทางกาย (somatosensory cortex) งานวิจัยนี้อาจจะบอกเป็นนัยว่า ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นก่อนการผ่าตัดและหลังการผ่าตัดอาจจะเป็นเหตุสำคัญเหตุหนึ่งในการจัดระเบียบใหม่ของคอร์เทกซ์รับความรู้สึกทางกาย และการเกิดขึ้นของความรู้สึกในอวัยวะที่ไม่มี
ทั้งการควักลูกตาออก (enucleation) และความเสียหายในเรตินา นำไปสู่ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ในคอร์เทกซ์สายตาที่รับข้อมูลทางตา คือ การยับยั้งประสาทที่เกิดจากการหลั่งสาร GABA ลดลง และการกระตุ้นคอร์เทกซ์สายตาเนื่องจากการหลั่งสารกลูตาเมตก็เพิ่มขึ้น ตามมาด้วยความไวต่อสิ่งเร้าทางตา และแม้กระทั่งการทำงานที่เกิดขึ้นเอง โดยไม่มีสัญญาณกระตุ้นที่ส่งไปจากตา ในคอร์เทกซ์สายตา เชื่อกันว่า การทำงานที่ไม่มีเหตุในคอร์เทกซ์สายตาที่ตาไม่ได้ส่งข้อมูลประสาทไปให้แล้ว เป็นประสาทสัมพันธ์ (neural correlate) คือเป็นเหตุของภาพหลอนทางตา
อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/กลุ่มอาการหลงผิดว่าตายังคงอยู่