จัตุรัสหลักแห่งบรัสเซลส์ หรือ กร็อง-ปลัสเดอบรูว์แซล (ฝรั่งเศส: Grand-Place de Bruxelles, ออกเสียง: [???? plas]) และ โกรเทอมาคท์ (ดัตช์: Grote Markt listen (วิธีใช้?ข้อมูล) ) คือจัตุรัสกลางบรัสเซลส์ซึ่งรายล้อมด้วยเหล่าอาคารเก่าอันสวยงามและกลมกลืนกันทางสถาปัตยกรรม และถือว่าเป็นจัตุรัสที่สวยที่สุดในโลก โดยเฉพาะออแตลเดอวีล (H?tel de Ville de Bruxelles) และแมซงดูว์รัว (Maison du Roi) จัตุรัสแห่งนี้ถือเป็นบริเวณที่สำคัญที่สุดในการท่องเที่ยวและยังถือเป็นจุดหมายตาที่สำคัญแห่งหนึ่งของเบลเยียมอีกด้วย กร็อง-ปลัสแห่งนี้มีขนาดความกว้าง 68 เมตร ยาว 110 เมตร
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 1695 กองทัพฝรั่งเศสกว่า 70,000 นาย นำโดยจอมพลฟร็องซัว เดอ เนิฟวิลล์ ดยุกแห่งวิเยอรัว ได้เปิดฉากถล่มกรุงบรัสเซลส์เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของกองกำลังฝ่ายสันนิบาตออกส์เบิร์กจากการบุกล้อมนามูร์ซึ่งในขณะนั้นเป็นของฝรั่งเศส โดยได้ถล่มด้วยปืนใหญ่และปืนครกจำนวนมากมายเข้าไปยังภายในใจกลางเมืองทำให้เกิดไฟไหม้ใหญ่ไปทั่วนครบรัสเซลส์ในขณะนั้น รวมทั้งสร้างความเสียหายอย่างมากแก่กร็อง-ปลัส และอาคารบ้านเรือนโดยรอบ โดยหลังจากเพลิงสงบลงตัวอาคารของศาลาว่าการนั้นเหลือเพียงแต่โครงเปลือกด้านนอกเท่านั้น
จัตุรัสกร็อง-ปลัสนั้นต่อมาได้ใช้เวลาบูรณะขึ้นใหม่เกือบทั้งหมดกว่าสี่ปีเต็มโดยฝีมือของกลุ่มกิลด์แห่งบรัสเซลส์ โดยมาจากการอนุญาตโดยสภาที่ปรึกษาของเมือง และผู้ว่าการกรุงบรัสเซลส์ในขณะนั้นซึ่งให้ส่งแบบประกวดของกร็อง-ปลัสเพื่ออนุมัติการก่อสร้าง ซึ่งนี่คือสาเหตุที่ตัวอาคารทั้งหมดโดยรอบจัตุรัสนั้นจึงได้สวยงามกันอย่างกลมกลืนในแบบสถาปัตยกรรมที่คล้ายคลึงกัน แม้ว่าจะต้องตั้งอยู่คู่กับศาลาว่าการกรุงบรัสเซลส์ ซึ่งถูกสร้างในแบบสถาปัตยกรรมกอทิก บาโรก และหลุยส์ที่ 14
ต่อมาในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 เหล่านักปฏิวัติได้บุกเข้ายึดบริเวณจัตุรัสและทำลายรูปปั้นอันเป็นสัญลักษณ์ของระบบศักดินา และศาสนา อาคารโดยรอบซึ่งสร้างและออกแบบโดยกลุ่มกิลด์ (Guildhalls) ได้ถูกริบเป็นของรัฐและถูกขายทอดตลาด ทำให้ต่อมาตัวอาคารต่างๆนั้นถูกทิ้งร้างและอยู่ในสภาพทรุดโทรมจากมลภาวะ และฤดูกาล และต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ผู้ว่าฯ ชาลส์ บุล ได้คืนความงดงามของจัตุรัสนี้ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยให้มีโครงการปรับปรุงและบูรณะอาคารต่างๆให้กลับมาอยู่ในสภาพงดงามเช่นเดิม
จัตุรัสกร็องปลัส ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 นั้นยังคงมีสภาพเป็นตลาดจนกระทั่งวันที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 1959 และยังคงเรียกว่าเป็น ตลาดใหญ่ หรือ Grote Markt ในภาษาดัตช์ ถนนรายรอบจัตุรัสนั้นยังคงสะท้อนถึงสภาพเดิมในความเป็นตลาด โดยมักจะตั้งชื่อถนนตามห้างร้านต่างๆ เช่น เนย, ชีส, ปลาแฮริ่ง, ถ่านหิน ฯลฯ จุตรัสแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม โดยองค์การยูเนสโกในปีค.ศ. 1998 อาคารหลังหนึ่งในบริเวณจัตุรัสนั้นเป็นของผู้ผลิตเบียร์ ซึ่งในปัจจุบันได้กลายเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์เบียร์
จัตุรัสกร็องปลัส ได้รับการโหวตชื่อให้เป็นจัตุรัสที่สวยงามที่สุดในยุโรปเมื่อปีค.ศ. 2010 จากการสำรวจโดยเว็บไซต์ดัตช์ (stedentripper.com) โดยให้ร่วมเสนอชื่อโหวตจัตุรัสต่างๆในทวีปยุโรป ผลการสำรวจนั้นได้คะแนนเหนือจัตุรัสแดงที่กรุงมอสโก และจัตุรัสสตานิสลาสที่น็องซี โดยมีคะแนนตามมาเป็นอันดับที่สอง และสาม ตามลำดับ
ทุก ๆ สองปีในเดือนสิงหาคม จะมีการจัดเทศกาลพรมดอกไม้ ซึ่งจัดขึ้นในบริเวณกร็อง-ปลัสแห่งนี้ โดยประกอบด้วยดอกบีโกเนีย (หรือดอกดาดตะกั่ว) ประมาณกว่าห้าแสนต้นจัดเรียงเป็นลวดลายสวยงามบนขนาดกว้าง 24 เมตร ยาว 77 เมตร คิดเป็นพื้นที่ดอกไม้รวมถึง 1,800 ตารางเมตร เทศกาลนี้เริ่มจัดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1971 ซึ่งได้รับเสียงตอบรับและคำชมอย่างล้นหลามจนต้องมีการจัดอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งปัจจุบัน ในช่วงเดือนสิงหาคมจึงเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวของบรัสเซลส์โดยปริยาย