ปราก (อังกฤษ: Prague) หรือ ปราฮา (เช็ก: Praha) เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดในประเทศเช็กเกีย มีประชากรอาศัยประมาณ 1.2 ล้านคน เมื่อ ค.ศ. 1992 องค์การยูเนสโก ได้ประกาศให้ปรากเป็นมรดกโลก
พื้นที่บริเวณกรุงปรากมีคนอาศัยตั้งแต่ 200 ปีก่อนคริสตกาล โดยช่วงแรกเป็นเผ่าเคลต์ (Celt) ก่อนจะถูกรุกรานโดยเผ่าเยอรมนิก (Germanic) และถูกครอบครองโดยเผ่าสลาฟในคริสต์ศตวรรษที่ 4
ประมาณ 200 ก่อนปีคริสต์ศักราช ชาวเคลต์ได้ตั้งอาณานิคมขึ้นทางตอนใต้ มีชื่อว่า Z?vis แต่ต่อมาในศตวรรษที่ 4 ชาวสลาฟได้เข้าครอบครองดินแดนนี้ จนในศตวรรษที่ 7 วัฒนธรรมของทั้งสองเผ่าพันธ์ได้ ผสมผสานกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มีตำนานกล่าวขานว่า เจ้าหญิง Libu?e ได้สมรสกับเจ้าชาย Premysl และก่อตั้งราชวงศ์ Premysl ทั้งสองโปรดให้มีการสร้างปราสาทนาม Libusin ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของแคว้นโบฮีเมีย เจ้าหญิง Libu?e ยังได้ทรงเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าและทรงทำนายว่า จะมีการก่อสร้างปราสาทซึ่งสูงสง่าอลังการเทียมฟ้า
ส่วนตัวเมืองปรากนั้นมีหลักฐานว่าสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 9 และเป็นเมืองหลวงของแคว้นโบฮีเมีย ซึ่งอยู่ใต้การปกครองของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 9 กษัตริย์บอริวอจ พรีมิสโลเวก (Borivoj Premyslovec) ทรงสร้างปราสาทขนาดใหญ่บนเขาสูงสง่าเหนือแม่น้ำ Vltava (ชาวเยอรมันเรียกแม่น้ำนี่ว่า Moldau) เขา Hradchin และมีการขนานนามปราสาทแห่งนี้ว่า ปราฮา (Praha) ซึ่งเป็นชื่อเรียกกรุงปรากในภาษาเช็ก
ต่อมาเจ้าชายวราติสลาฟที่ 1 (Vratislav I) พระราชโอรสในพระเจ้าบอริวอจได้ครองบัลลังก์สืบต่อ และได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเชื่อสายสลาฟผู้ไม่ศรัทธาในคริสต์จักร์ ดราโกมอีรา (Dragom?ra) แต่เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ เจ้าหญิงดราโกมอีราได้สำเร็จโทษพระราชินีลุดมีลา (Ludmila) โดยรัดพระศอ เนื่องจากไม่สบพระทัยที่พระราชินีได้รับเลี้ยงพระนัดดาซึ่งเป็นพระโอรสของวราติสลาฟและพระนางเองให้ซื่อมั่นในศาสนาคริสต์ ซึ่งต่อมาหลังจากนั้นพระราชินีลุดมีลาก็ได้รับการเอ่ยนามให้เป็นนักบุญหญิง
เจ้าหญิงดราโกมีเอราได้ครอบครองราชย์บัลลังก์ต่อ และได้ยกอำนาจทั้งหมดให้ เจ้าชายเวนเซสลัส (Wenceslas) ในปี พ.ศ. 1464 (ค.ศ. 921) เฉลิมพระนามว่าเวนเซสลัสที่ 1 ดยุกแห่งโบฮีเมีย (Wenceslas I Duke of Bohemia, เช็ก: Svat? V?clav)
เมื่อพระเจ้าเวนเซสลัสทรงมีอำนาจในการปกครองแผ่นดิน ก็ทรงประสานสัมพันธไมตรีกับชนชาติเยอรมัน และสนับสนุนระบอบคริสต์ พร้อมกับโปรดให้มีการสร้างมหาวิหารเซนต์วิตุสขึ้นในปี พ.ศ. 1468 (ค.ศ. 925) ซึ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจในกลุ่มเสนามนตรี รวมทั้งเจ้าหญิงดราโกมีเอราพระราชมารดา และเจ้าชายโบเลสลาฟ (Boleslav) พระเชษฐา ด้วยเหตุนี้ทั้งหมดจึงวางแผนลอบปลงพระชนม์ ซึ่งเมื่อ พระเจ้าเวนเซสลัสเสด็จมาหาเจ้าชายโบเลสลาฟ พระองค์ได้ถูกลอบปลงพระชนม์ในขณะเดินทาง มีตำนานเล่าว่าในวันที่พระองค์สิ้นพระชนม์ เป็นวันที่พระโอรสของโบเลสลาฟประสูติ และได้รับพระนามว่า Strachkvas (ชัยชนะอันน่ากลัว)
พระนามของพระเจ้าเวนเซสลัสได้โด่งดังไปทั่วโลก โดยที่มีการเอ่ยพระนามของท่านในบทเพลงแห่งคริสต์มาส ในเพลงที่มีชื่อว่า Good King Wenceslas
เจ้าชายโบเลสลาฟได้รับสถาปนาเป็นกษัตริย์พระองค์ต่อมาในปี พ.ศ. 1516 (ค.ศ. 973) บิชอฟอดัลเบิร์ต (Adalbert) บิช๊อฟชาวเช็กรูปแรกได้ถูงยิง และเมื่อหลังจากที่ท่านมรณภาพก็ได้รับการยกย่องให้เป็นนักบุญที่สำคัญท่านหนึ่งของทั้งชาวเช็ก ชาวโปแลนด์ และ ชาวฮังการี
ต้นศตวรรษที่ 10 ปรากได้เป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญแห่งหนึ่งในยุโรปตะวันออก มีหลายเชื้อชาติเข้ามาทำการค้า รวมถึง ชาวยิว ด้วย
ในรัชสมัยของ กษัตริย์ Charl IV แห่งราชวงศ์ ลักเซ็มเบอร์ก ซึ่งเป็นพระโอรสใน กษัตริย์ Johnและ เจ้าหญิง Eliska เป็นยุคที่อารยธรรมเฟื่องฟู และมีการสร้าง มหาวิทยาลัยแห่งแรกของปราก ซึ่งปัจจุบันนี้เรียกว่า Chars University กษัตริย์ Charl IV ได้สร้างเมืองใหม่ซึ่งเรียกว่า Nov? M?sto และได้ทรงให้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ ปราสาท Praha และ Vysehrad มีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำ Vltava โดยสะพานนี้มีการเฉลิมนามตามพระนามของพระองค์ คือสะพาน Charl Bridge กรุงปราก ถูกยกให้เป็น เมืองหลวงแห่งจักวรรดิ์โรมัน และกษัตริย์ Charl IV ได้ถูกยกให้เป็น Emprior ยุคนี้มีการก่อสร้างโบสถ์ อาคารต่างๆงดงาม แบบโกธิคผสมผสานการประดับประดาอาคารแบบโบฮีเมีย อาณาจักรโบฮีเมียยุคนั้นเรืองแสนยานุภาพมาก
เจ้าชาย Sigismund พระเชษฐาต่างพระมารดา ของกษัตริย์ Wenceslas IV ได้รับเชิญขึ้นครองราชย์แทน พวกนิยม Jan Hus ตั้งตนเรียกตนเองว่า Hussite โดยใต้การนำของนายพล Jan ?i?ka ต้องการแก้แค้น เจ้าชาย Sigismund เพราะเจ้าชาย Sigismund เป็นผู้วางแผนเชิญ Jan Hus เข้ามาปราศรัยในเมือง และรับปากว่าจะให้ความคุ้มครองเขา แต่ก็หาได้รักษาคำพูดไม่ ฝ่าย Hussite ได้ปะทะกับฝ่ายทหารที่ภูเขา Vitkov หลังจาก นายพล Jan ?i?ka เสียชีวิตลง ฝ่าย Husit? ก็แตกกระสานซ่านเซ็น มีการปะทะกับกองทหารที่เมือง Lipany ในปี 1434 แต่ฝ่าย Husit? ก็ประสบความพ่ายแพ้
ปี 1437 Sigismund สิ้นพระชนม์ ได้หมดสิ้นเชื้อสายฝ่ายชายแห่งราชวงศ์ ลักเซ็มเบอร์ก กษัตริย์ Albert ดยุ๊ค แห่ง ออสเตรียซึ่งเป็นพระชามาดา(ลูกเขย)ของ Sigismund ได้ขึ้นครองราชย์เพียงสองปีก็สิ้นพระชนม์ ดังนั้น Ladislav Pohrobek ซึ่งเป็นพระนัดดาของ Sigismund จึงถูกเลือกมาเป็นกษัตริย์ต่อ แต่ก็สิ้นพระชนม์เมื่ออายุเพียง 17 พรรษา ดังนั้น George of Podebrady (เช็ก: Ji?? z Pod?brad) นักบวชชาวโปรเตสแตนต์ ที่ปรึกษา ส่วนพระองค์ในราชวงศ์ Ladislav จึงถูกเลือกเป็นกษัตริย์ จากกลุ่มคาทอลิกและ พวก Husit? ในกรุงปราค
สันตะปะปาหาได้เห็นชอบด้วยไม่ และระดมกองพลคริสต์ ทำสงครามครูเสดต่อต้านโบฮีเมีย ภายใต้การนำทัพของ กษัตริย์ Matthius Corvinus แห่งฮังการี สงครามนี้ทำให้เกิดการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง จนกระทั่งทั้งสองฝ่ายตกลงทำสนธิสัญญาสงบศึก โดยตกลงให้โบฮีเมียถูกปกครองโดยกษัตริย์สององค์ คือกษัตริย์ Matthius Corvinus และกษัตริย์ George of Podebrady เมื่อกษัตริย์ George ซึ่งเป็นโปรเตสแตนต์ได้พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับฝ่ายคาทอลิก ทำให้พวกโปรเตสแตนต์ต่างโกรธเคือง และรวมพลกันจับผู้ว่าราชการเมืองโยนหน้าต่าง
ก่อนที่กษัตริย์ George จะสิ้นพระชนม์ พระองค์ได้หาทายาทแห่งบัลลังก์ไว้ โดยท่านได้รับปากกษัตริย์ Casimir IV แห่งโปแลนด์ว่า กษัตริย์แห่งโบฮีเมียองค์ต่อไปจะมาจากราชวงศ์ Jagellon เพราะพระมเหสีของกษัตริย์ CasimirIV นั้นเป็นพระภคินีของ Ladislav Pohrobek ราชวงศ์ Jagellon ครองโบฮีเมียได้ ถึงเพียงปี 1526 ก็หมดสิ้นผู้สืบทอดราชวงศ์ฝ่ายชายอีก
กษัตริย์องค์ต่อมาของโบฮีเมียก็คือ Ferdinand Habsburg กษัตริย์องค์นี้สืบเชื้อสายมาจากเยอรมัน ซึ่งฝักใฝ่ศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกมาก ในขณะที่พลเมืองปรากโดยส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์
เมื่อในเยอรมันเกิดสงครามศาสนา ฝ่ายโปรเตสแตนต์ในปรากปฏิเสธที่จะไปช่วยกษัตริย์ Ferdinand ในการสงคราม กษัตริย์ Ferdinandและกองพลของพระองค์ไปช่วยรบให้ฝ่ายคาทอลิก จนได้ชัยชนะที่เมือง M?hlberg เยอรมนี
1757 Ferdinand II ของปรัสเซีย ได้ยกพล ราว 100.000 นาย มาปล้นระดมโบฮีเมีย อีกครั้ง มีการลงระเบิด 25.000 ลูก และ ยิงกระสุนปืนใหญ่ 80.000 ลูก แต่ก็ถูกกองทหารออสเตรียขับไล่ออกนอกประเทศอีก
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ฮิตเลอร์ได้ส่งกองทหารเข้ายึดเชโกสโลวาเกียมีการสังหารล้างผลาญชาวยิวมากมาย 1942 ผู้นำนาซี Reinhard Heydrich ถูกลอบสังหาร ฮิตเล่อร์โกรธและสั่งให้มีการฆ่าล้างแค้น มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตมากมาย ปลายสงคราม กองทัพอากาศอเมริกันได้โยนระเบิดถล่มกรุงปราก เนื่องจากมีการเล็งเป้าหมายผิดคิดว่าเป็นเมืองเดรสเดินของเยอรมนี ซึ่งห่างออกไปราว 83 ไมล์จากกรุงปราก มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยและอาคารสำคัญถูกทำลายลงหลายหลัง หลังจากนั้นเช็กโกสโลวาเกียก็ถูก รัสเซียเข้าครองขับไล่ทหารเยอรมันออกไป มีการฆ่าล้างแค้น ชาวเมืองเชื้อสายเยอรมันผู้บริสุทธิ์มากมายจนกระทั่งรัฐบาลเช็กโกสโลวาเกียออกมาสั่งห้าม และลำเลียงชาวเยอรมันออกนอกประเทศ เพื่อลี้ภัยเข้าสู่เยอรมนีตะวันตก
อัมสเตอร์ดัม?เนเธอร์แลนด์อันดอร์ราลาเวยา?อันดอร์ราบรัสเซลส์?เบลเยียมดักลาส?ไอล์ออฟแมน (สหราชอาณาจักร)ดับลิน?ไอร์แลนด์ลอนดอน?สหราชอาณาจักรปารีส?ฝรั่งเศสเซนต์เฮลิเยอร์?เจอร์ซีย์ (สหราชอาณาจักร)เซนต์ปีเตอร์พอร์ต?เกิร์นซีย์ (สหราชอาณาจักร)
โคเปนเฮเกน?เดนมาร์กทอร์สเฮาน์?หมู่เกาะแฟโร (เดนมาร์ก)เฮลซิงกิ?ฟินแลนด์มารีเอฮัมน์?หมู่เกาะโอลันด์ (ฟินแลนด์)ออสโล?นอร์เวย์เรคยาวิก?ไอซ์แลนด์รีกา?ลัตเวียสต็อกโฮล์ม?สวีเดนลองเยียร์เบียน?สฟาลบาร์ (นอร์เวย์)ทาลลินน์?เอสโตเนียวิลนีอุส?ลิทัวเนีย
เบอร์ลิน?เยอรมนีแบร์น?สวิตเซอร์แลนด์บราติสลาวา?สโลวาเกียบูคาเรสต์?โรมาเนียบูดาเปสต์?ฮังการีลูบลิยานา?สโลวีเนียลักเซมเบิร์ก?ลักเซมเบิร์กปราก?เช็กเกียวาดุซ?ลิกเตนสไตน์เวียนนา?ออสเตรียวอร์ซอ?โปแลนด์
เอเธนส์?กรีซเบลเกรด?เซอร์เบียลิสบอน?โปรตุเกสมาดริด?สเปนโมนาโก?โมนาโกพอดกอรีตซา?มอนเตเนโกรพริสตีนา?คอซอวอโรม?อิตาลีซานมาริโน?ซานมารีโนซาราเยโว?บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาสโกเปีย?มาซิโดเนียโซเฟีย?บัลแกเรียติรานา?แอลเบเนียวัลเลตตา?มอลตานครรัฐวาติกัน?นครรัฐวาติกันซาเกร็บ?โครเอเชีย
1985 เอเธนส์ ? 1986 ฟลอเรนซ์ ? 1987 อัมสเตอร์ดัม ? 1988 เบอร์ลินตะวันตก ? 1989 ปารีส ? 1990 กลาสโกว์ ? 1991 ดับลิน ? 1992 มาดริด ? 1993 แอนต์เวิร์ป ? 1994 ลิสบอน ? 1995 ลักเซมเบิร์ก ? 1996 โคเปนเฮเกน ? 1997 เทสซาโลนีกี ? 1998 สตอกโฮล์ม ? 1999 ไวมาร์ ? 2000 เรคยาวิก ? แบร์เกน ? เฮลซิงกิ ? บรัสเซลส์ ? ปราก ? กรากุฟ ? ซานเตียโกเดกอมโปสเตลา ? อาวีญง ? โบโลญญา ? 2001 รอตเทอร์ดาม ? โปร์ตู ? 2002 บรูช ? ซาลามังกา ? 2003 กราซ ? 2004 เจนัว ? ลีล ? 2005 คอร์ก ? 2006 แพทรัส ? 2007 ลักเซมเบิร์กและปริมณฑล ? ซีบีอู ? 2008 ลิเวอร์พูล ? สตาวังเงร์ ? 2009 ลินซ์ ? วิลนีอุส ? 2010 เอสเซิน ? เพช ? อิสตันบูล ? 2011 ตุรกุ ? ทาลลินน์ ? 2012 มารีบอร์ ? กีมาไรช์ ? 2013 คอชิตเซ ? มาร์แซย์ ? 2014 อูเมโอ ? รีกา ? 2015 มงส์ ? เปิลเซน ? 2016 โดโนสเตีย-ซานเซบัสเตียน ? วรอตสวัฟ ? 2017 ออร์ฮูส ? แพฟอส 2018 วัลเลตตา ? เลวาร์เดิน 2019 พลอฟดิฟ ? มาเตรา 2020 รีเยกา