กรมหลวงบาทบริจา หรือ กรมหลวงบาทบริจาริก หรือ กรมหลวงบาทบริจาริกา มีพระนามเดิมว่า สอน หรือ ส่อน เป็นพระอัครมเหสีในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ที่เป็นชายาแต่เดิมก่อนการขึ้นครองราชย์และได้รับการสถาปนาเป็นอัครมเหสีภายหลัง
หลังการผลัดแผ่นดินจากการปราบดาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระองค์ถูกถอดพระอิสริยยศเป็นสามัญชนตามเดิมว่า หม่อมสอน แม้กระนั้นท่านก็ได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชูจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสา กรมพระยาเทพสุดาวดี และดำรงชีวิตอยู่ในธนบุรีอย่างเงียบ ๆ
กรมหลวงบาทบริจา ชาววังออกพระนามว่า สมเด็จพระอัครมเหสี (หอกลาง) หรือ เจ้าส่อนหอกลาง หรือ เจ้าครอกหอกลาง มีพระนามเดิมว่า สอน หรือ ส่อน ไม่ทราบสายราชสกุลของพระองค์ว่าสืบมาจากสายสกุลใด จึงอาจเป็นเพียงหญิงสามัญซึ่งมิได้มาจากตระกูลใหญ่ในสมัยอยุธยา ทั้งนี้นิธิ เอียวศรีวงศ์ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า สินอาจแต่งงานกับสอนก่อนหน้าดำรงตำแหน่งพระยาตากด้วยซ้ำ พระประวัติของพระองค์ปรากฏใน อภินิหารบรรพบุรุษ ว่าเป็นพระอรรคชายาเดิม มีสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เป็นเจ้าฟ้าชาย แต่ปรากฏว่าประสูติแล้วก็สิ้นพระชนม์จึงไม่ปรากฏพระนาม ส่วนหนังสือ ลำดับสกุลเก่าบางสกุล ภาค 1 และ ภาค 4 ระบุตรงกันว่าพระองค์มีพระราชบุตรสองพระองค์ คือ เจ้าฟ้าจุ้ยและเจ้าฟ้าน้อย
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี โปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นดำรงพระอิสริยยศเป็น กรมหลวงบาทบริจา แม้จะเป็นพระอัครมเหสีแต่พระองค์ก็เป็นพระอัครมเหสีที่มิได้เป็นเจ้ามาแต่เดิม เมื่อมีพระประสูติกาลพระราชบุตร พระราชบุตรที่ประสูติจึงมีพระยศเป็น พระองค์เจ้า แล้วจึงได้รับการสถาปนาเป็น เจ้าฟ้า ภายหลัง โดยพระโอรสองค์ใหญ่คือ สมเด็จพระมหาอุปราช เคยมีเรื่องหมางพระทัยกับสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี แล้วพาลมาถึงสมเด็จพระอัครมเหสีด้วย ถึงกับออกคำสั่งขับกรมหลวงบาทบริจาออกจากวังไปประทับกับลูก ดังปรากฏในจดหมายเหตุของกรมหลวงนรินทรเทวีคือ "ขับเจ้าหอกลางไปอยู่ที่วังนอก" ภายหลังเมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีหายพิโรธแล้วก็ได้หมายพระทัยที่จะรั้งพระโอรสพระองค์นี้ครองกรุงกัมพูชาสืบไป
เมื่อเกิดการผลัดแผ่นดินสิ้นรัชสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พระองค์และกรมหลวงเทวินทรสุดา ได้รับโปรดเกล้าฯ ลดพระยศเป็น "หม่อมสอน" และ "หม่อมอั๋น" ตามลำดับ ส่วนพระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งเป็นชายในราชวงศ์ธนบุรีส่วนใหญ่มักถูกประหารพร้อมกับเหล่าขุนนาง ส่วนพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหญิงก็ต้องโทษจองจำไว้ ดังปรากฏในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชเลขา ความว่า
"ยังเหลืออยู่แต่พระราชบุตร และบุตรีน้อย ๆ มีเจ้าฟ้าสุพันธุวงศ์ [เจ้าฟ้าเหม็น] อันเป็นพระราชนัดดาของพระองค์นั้นเป็นต้น และเจ้าฮั้น [กรมหลวงเทวินทรสุดา] ซึ่งเป็นน้าของเจ้าตากสิน และเจ้าส่อนหอกลางซึ่งเป็นกรมหลวงบาทบริจาอัครมเหสี กับญาติวงศ์ซึ่งเป็นหญิงนั้นให้จำไว้ทั้งสิ้น"
หลังจากการผลัดแผ่นดิน ทรงดำรงพระชนม์อย่างสงบสุขในธนบุรีนั้นเอง ซึ่งยังมีผู้คอยอุปถัมภ์ค้ำชูอยู่ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสา กรมพระยาเทพสุดาวดี พระเชษฐภคินีพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ด้วยมีความสนิทสนมคุ้นเคย