กรมขุนวิมลภักดี ทรงเป็นพระอัครมเหสีในสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์ และสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร ซึ่งทรงได้รับพระราชทานมาจากสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร
กรมขุนวิมลภักดี เดิมทรงมีพระนามว่า พระองค์เมาฬีหรือแมลงเม่า โดยแต่เดิมพระนางได้เป็นพระชายาและทรงผนวชเป็นชีตามสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร และเมื่อได้ทรงลาผนวชแล้วถวายตนเป็นพระภรรยาเจ้าในสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์ ทรงได้รับการสถาปนาให้เป็นพระอัครมเหสี สาเหตุที่พระองค์เจ้าแมงเม่าลาผนวชจากชีไปเป็นพระราชินีนั้น เนื่องมาจากสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร ซึ่งไปทรงผนวชอยู่ดำรัสสั่ง ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะเอาใจพระเชษฐา คือสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์ก็เป็นได้
ที่ว่าทำไมสมเด็จพระเจ้าอุทุมพรถึงได้เอาใจสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์นั้น ก็มีเหตุผลอยู่หลายครั้งหลายคราว เช่น เมื่อครั้งที่สมเด็จพระเจ้าบรมโกศจะเสด็จสวรรคต ก็ทรงมอบราชสมบัติให้แก่พระอนุชา คือ เจ้าฟ้าอุทุมพร ครั้นเจ้าฟ้าอุทุมพรได้ราชสมบัติแล้ว ทอดพระเนตรเห็นพระเชษฐาเสด็จขึ้นไปอยู่บนพระที่นั่งสุริยามรินทร์ พระองค์ก็ยอมถวายราชสมบัติ แล้วเสด็จไปทรงผนวช แล้วประทับอยู่ที่วัดประดู่ จนได้สมัญญาว่าขุนหลวงหาวัด
เมื่อกรุงศรีอยุธยาต้องรับศึกพม่าคราวพระเจ้าอลองพญาผ่านพ้นไป โดยฝ่ายไทยเป็นผู้มีชัยแล้ว ขุนหลวงหาวัดก็เสด็จขึ้นเฝ้าพระเชษฐาอยู่เนือง ๆ ตอนนี้เองที่คงจะบังเกิดความคิด ดำรงสั่งให้พระองค์เจ้าแมงเม่า ซึ่งทรงผนวชเป็นชี ลาผนวชออกแล้วนำมาถวายเป็นพระอัครมเหสีพระเชษฐา ทั้งนี้ พระองค์เจ้าแมงเม่าก็คงจะดำรงตำแหน่งอัครมเหสีอยู่ได้โดยไม่สงบสุขนัก เหตุด้วยกรุงศรีอยุธยาประชิดติดพันอยู่กับศึกพม่าตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม พระองค์เจ้าแมงเม่าก็มีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบร่วมกับพระสนมกำนัลทั้งปวง เนื่องในสาเหตุที่ว่า ก่อความวุ่นวายในพระบรมมหาราชวัง เช่น กราบทูลพระเจ้าเอกทัศน์ว่า ไม่สามารถจะทนต่อเสียงปืนใหญ่ที่ระดมยิงต่อต้านข้าศึกศัตรูได้ (ข้อมีไม่น่าเชื่อ ที่หญิงไทยสมัยโบราณจะอ่อนแอถึงเพียงนั้น คงเป็นเพราะผู้ยิงปืนไม่มีความรู้เรื่องปืนเพียงพอ แม่ทัพเกรงกระสุนดินดำจะหมดเสียก่อน จึงสั่งห้ามก็เป็นได้) พระองค์เจ้าแมงเม่าเป็นพระชายาได้ประมาณก่อนที่เจ้าฟ้าเอกทัศน์ทรงผนวชและพระเจ้าเอกทัศน์ขึ้นครองราชย์พระองค์ดำรงตำแหน่งอัครมเหสี จนเสียกรุงแก่ข้าศึก