ชามด์ (อังกฤษ: Charmed) เป็นรายการโทรทัศน์อเมริกันที่ออกอากาศถึงแปดฤดูกาลที่สถานีโทรทัศน์ The WB ซึ่งอำนวยการสร้างโดย Aaron Spelling เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพี่น้องสามคนซึ่งเป็นแม่มดที่มีอำนาจที่สุดในโลก และเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้เหนือธรรมชาติในชื่อ "สามดรุณี" (หรือ The Charmed Ones) แต่รู้จักในโลกมนุษย์ทั่วไปในครอบครัว Halliwell โดยแต่ละคนควบคุมพลังเวทมนตร์ที่แตกต่าง ซึ่งจะมีอำนาจขึ้นและเกี่ยวพันกับวิถีชีวิตของพวกเขา พวกเธออาศัยอยู่ที่บ้าน Halliwell (หรือ Halliwell Manor) และใช้พลังเหนือธรรมชาติของพวกเธอต่อสู้กับพวก วอร์ล็อก (หรือ Warlock) ปีศาจและพลังอำนาจมืดอื่น ๆ ที่เข้ามารบกวนในย่านแซนแฟรนซิสโก, แคลิฟอร์เนีย
ภาพยนตร์ชุดในรูปแบบนี้เป็นภาพยนตร์ชุดเหนือธรรมชาติในรุ่นสุดท้าย ดั่งเช่น Buffy the Vampire Slayer, Angel และ Roswell และภาพยนตร์ชุดเรื่องนี้ยังแตกต่างจากเรื่องอื่นโดยผสมผสานกันในประเภทของภาพยนตร์ชุด (ตั้งแต่สยองขวัญ จินตนาการ ถึงเบาสมอง รวมถึงละครด้านน้ำเน่าอีกด้วย) จนถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่มีรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร โดยรวมถึงเหตุการณ์เกี่ยวกับการจากไปของนักแสดงนำหญิงคนหนึ่งในตอนจบของฤดูกาลที่สามอีกด้วย ในการออกอากาศครั้งแรกของรายการภาพยนตร์ชุดเรื่องนี้มีจำนวนผู้ชมสูงที่สุดของสถานี The WB ถึง 7.70 ล้านคนในตอนแรกที่ชื่อว่า "Something Wicca This Way Comes" ในวันที่ 7 ต.ค. 1998 ก่อนที่ละคร Smallville จะมาทำลายสถิติด้วยจำนวนคนดูตอนแรกสูงสุดของประวัติศาสตร์สถานี The WB สถิติใหม่ซึ่งกลายเป็นสถิติจนสิ้นสถานีในปี 2006 ที่จำนวนคนดูตอนแรกของสมอลวิลล์ในวันที่ 16 ต.ค. 2001 ที่จำนวน 8.4 ล้านคน
ในการออกอากาศตอนที่ชื่อว่า "Playback's a Witch" ในวันที่ 15 เดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2006 Charmed กลายเป็นรายการที่แสดงนำโดยนักแสดงหญิงทั้งหมดที่ออกอากาศยาวนานที่สุด ทำลายสถิติเดิมของ Laverne & Shirley ภาพยนตร์ชุดนี้ได้จบลงในวันที่ 21 พฤษภาคม ปีค.ศ. 2006 ในอเมริกา โดยตอนสุดท้ายชื่อ "Forever Charmed" มีคนดูจำนวน 4.49 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนคนดูที่สูงที่สุดในฤดูกาลนั้นโดยนับเป็นหนึ่งในละครหลายเรื่องที่จบพร้อมกับการจากไปของช่อง The WB ที่ไปรวมตัวกับช่อง UPN ในปี 2006 กลายเป็นช่อง The CW โดยมีละครและเรียลลิตี้จากช่อง The WB ที่ยังไปฉายต่อในช่องใหม่นี้คือ Smallville, Supernatural, One tree hill, Gilmore Girls, 7th Heaven และ Beauty and the geek
เพลงประกอบภาพยนตร์ชุดเรื่องนี้ชื่อ "How Soon Is Now?" โดย Love Spit Love ซึ่งเคยถูกบันทึกไว้ก่อนหน้านี้โดย The Smiths และเคยถูกใช้ในภาพยนตร์เรื่อง The Craft มาก่อนแล้ว ในประเทศไทย สามารถรับชมภาพยนตร์ชุดเรื่อง Charmed ได้ทาง ทรูวิชั่นส์ ช่อง True Series 23
เรื่องราวของ Charmed เริ่มต้นเมื่อพี่น้อง Halliwell — Prudence "Prue", Piper และ Phoebe — ได้พบกันอีกครั้งหกเดือนหลังจากการเสียชีวิตของคุณยายของพวกเธอ โดย Phoebe น้องสาวคนเล็กได้ย้ายกลับเข้ามาอยู่ในบ้าน Halliwell ในแซนแฟรนซิสโกอีกครั้ง โดยเธอได้ค้นพบหนังสือเก่าเล่มหนึ่ง — คัมภีร์แห่งเงามืด (หรือ The Book of Shadows) — ในห้องใต้หลังคา โดยเธอได้อ่านคาถาจากหนังสืออย่างไม่ได้ตั้งใจ ทำให้คำทำนายอันเก่าแก่ได้เป็นจริง และในเวลาเดียวกัน สิ่งประหลาดต่าง ๆ ก็ได้เกิดขึ้นรอบตัวของพวกเธอ จนในที่สุด ทำให้พวกเธอรู้ตัวว่า พวกเธอเป็นแม่มด
พวกเขาไม่เพียงแต่ค้นพบว่าตัวเองได้ควบคุมพลังเหนือธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังพบว่าพลังนี้ตกทอดมาจากบรรพบุรุษซึ่งเป็นแม่มดที่มีอำนาจ โดยแม่มดคนแรกคือ Melinda Warren ซึ่งได้ควบคุมพลังเหนือธรรมชาติสามอย่าง นั่นก็คือ อำนาจในการเคลื่อนย้ายสิ่งของโดยใช้จิต อำนาจในการหยุดเวลา และอำนาจในการมองเห็นอนาคต แต่เธอกลับถูกเผาทั้งเป็นใน The Salem Witch Trials (ซึ่งเป็นการฆ่าแม่มดในซาเล็ม) แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะเสียชีวิต เธอได้ทำนายว่าในแต่ละรุ่นของเหล่าเชื้อสาย Warren (โดยภายหลังเปลี่ยนเป็น Halliwell) แม่มดจะมีอำนาจมากขึ้นและมากขึ้น จนถึงการมาถึงของพี่น้องผู้หญิงสามคน ซึ่งจะเป็นแม่มดที่มีอำนาจมากที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา แม่มดสามคนนี้จะได้พลังสามดรุณี เป็นพลังที่มีอำนาจที่สุด
Prue Halliwell ซึ่งเป็นพี่สาวคนโต ได้รับพลังการเคลื่อนไหวโดยที่ไม่ได้สัมผัสกับวัตถุ (หรือ Telekinesis) และสามารถเคลื่อนสิ่งต่าง ๆ โดยใช้จิตของเธอ โดยพลังการเคลื่อนไหวของเธอในตอนแรกนั้นเกิดขึ้นโดยความโกรธ และเธอใช้ครั้งแรกผ่านทางดวงตา โดยภายหลังเธอสามารถใช้มือในการเคลื่อนสิ่งของได้ เหมือนกับบรรพบุรุษของเธอ Brianna รวมถึงคุณยายของเธอ (โดยสามารถเห็นได้ครั้งแรกในฤดูกาลแรก ชื่อตอนว่า "Out of Sight") โดยภายหลังเธอได้รับพลัง Astral Projection ซึ่งเธอสามารถสร้างตัวของเธอขึ้นมาได้อีก โดยเลือกปรากฏตัวได้ตามที่จิตเธอต้องการ โดยที่ร่างแท้จริงของเธอจะยืนไร้สติอยู่ ในฤดูกาลที่สาม ชื่อตอนว่า "Primrose Empath" ซึ่งเป็นหนึ่งในครั้งสุดท้ายที่เธอได้ใช้พลังนี้ เธอได้สร้างตัวของเธอขึ้นมาอีกร่าง โดยที่ร่างแท้จริงยังมีสติอยู่ได้ อำนาจ Astral Projection ของเธอได้พัฒนาขึ้นจากอำนาจ Telekinesis ของเธอเมื่อเธอต้องการจะอยู่ในที่สองที่พร้อมกัน
Piper เป็นลูกคนกลาง ซึ่งได้รับอำนาจในการหยุดเวลาหรือสิ่งของชั่วคราว (หรือ Time Freeze) หรือเป็นที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่าการหยุดการเคลื่อนไหวในระดับโมเลกุล (หรือ Molecular Immobilization) โดยในตอนแรก Piper สามารถควบคุมพลังของเธอได้น้อย เธอไม่สามารถหยุดสิ่งของที่อยู่ไกลเกินไปได้ และเธอทำให้สิ่งของหรือปีศาจหยุดได้ในเวลาอันสั้น แต่หลังจากพลังของเธอมีอำนาจมากขึ้น เธอสามารถหยุดสิ่งของที่อยู่ไกลออกไปได้ เธอสามารถหยุดเวลาทุกอย่างในห้องได้ หรือเธอสามารถเลือกที่จะหยุดสิ่งของสิ่งเดียวหรือคน ๆ เดียวได้ และต่อมา ภายหลังจากที่เธอสามารถหยุดเวลาคนหรือปีศาจไว้ เธอสามารถทำให้ร่างการบางส่วนเคลื่อนไหวได้ ซึ่งสามารถใช้กับปีศาจเพื่อการซักถามคำถามได้ Piper ยังสามารถหยุดคนได้เป็นระยะเวลานาน โดยที่เธอไม่ต้องอยู่ในห้องเพื่อคอยทำให้คน ๆ นั้นหยุดเคลื่อนไหวตลอดเวลา โดยภายหลัง เธอได้ทราบว่าอำนาจของเธอนั้นทำงานโดยหยุดการทำงานในระดับโมเลกุลจนถึงระดับที่วัตถุถูกหยุดเวลาไว้ โดยต่อมาเธอได้พัฒนาพลังของเธอแทนที่จะสามารถทำให้โมเลกุลเคลื่อนที่ช้าลงอย่างเดียว เธอยังสามารถทำให้โมเลกุลเคลื่อนที่เร็วและระเบิดวัตถุนั้น ๆ ซึ่งเรียกว่าการเผาไหม้ในระดับโมเลกุล (หรือ Molecular Combustion) พลังของเธอนั้นถูกกระตุ้นโดยความกลัว ตกใจและประหลาดใจ ในระหว่างที่พลังการระเบิดของเธอนั้นถูกกระตุ้นโดยความโกรธ (ก่อนที่เธอจะสามารถควบคุมพลังของเธอได้ทั้งหมด)
Phoebe ซึ่งเป็นน้องคนเล็กสุด ได้อำนาจในการเห็นนิมิต ซึ่งเป็นอำนาจที่ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ โดยเธอสามารถเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต (ภายหลังเธอสามารถเห็นเหตุการณ์ในอดีตได้ด้วย) อำนาจเธอถูกกระตุ้นโดยจับต้องผู้คนหรือสิ่งของ รวมถึงสิ่งที่ตกเหลือในบริเวณนั้นมีพลังมากพอ ภายหลังอำนาจของเธอมีพลังมากขึ้น โดยเธอสามารถรู้สึกถึงอารมณ์ต่าง ๆ ในนิมิตได้ เช่น เมื่อเธอสามารถรู้สึกได้ว่าแม่ของเธอจมน้ำตอนที่เธอมองเห็นภาพในอดีต ในฤดูกาลที่สองของภาพยนตร์ชุด ชื่อตอน "P3 H2O" โดยความสามารถในการรู้ถึงอารมณ์ในนิมิตนั้นอาจสามารถคาดคะเนได้ถึงอำนาจในการหยั่งรู้ในอนาคตได้ ในฤดูกาลที่ห้า ชื่อตอน "The Eyes Have It" หลังจากที่เธอไม่ได้ใช่อำนาจนิมิตมาเป็นระยะเวลาหลายเดือนเนื่องจากความเครียดและการทำงานมากเกินไป เธอได้ไปหาชาวยิปซีเพื่อช่วยให้เธอสามารถใช้อำนาจของเธอได้อีกครั้ง จนเธอได้เห็นนิมิต โดยคราวนี้เธอสามารถสร้างตัวเองขึ้นมาอีกคนในอนาคต และความสามารถในการรู้สึกได้มีอำนาจขึ้น โดยเมื่อเธอรู้สึกเจ็บในภาพนิมิต ตัวที่แท้จริงของเธอก็รู้สึกเจ็บเช่นกัน โดยมีนิมิตแบบนี้เกิดขึ้นในจำนวนที่น้อยมาก เธอยังสามารถสร้างตัวเองขึ้นมาในอนาคตแล้วคุยกับตัวเธอเองในอนาคตได้ ในขณะนั้น Phoebe ยังสามารถที่จะส่งต่อภาพนิมิตให้ผู้อื่นที่สามารถเห็นภาพนิมิตได้เช่นกัน และในที่สุด เธอก็ยังได้อำนาจในการลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งมีประโยชน์เมื่อเธอใช้คู่กับทักษะศิลปะการต่อสู้ของเธอ โดยพลังนี้เห็นได้ครั้งแรกในตอนแรกของฤดูกาลที่สาม ชื่อ "The Honeymoon's Over" อำนาจในการหยั่งรู้ของเธอได้พัฒนาขึ้นภายหลังในเรื่องนี้ ซึ่งทำให้เธอสามารถอ่านใจผู้อื่นได้ ทำให้เธอสามารถต่อสู้กับปีศาจต่าง ๆ ได้ รวมถึงพวก Valkyries ที่ได้พบเจอในตอน "Valhalley of the Dolls (Part 2)"
หลังจากการเสียชีวิตของ Prue พวกเธอได้รู้ว่ายังมีน้องสาวครึ่งสายเลือดชื่อ Paige ซึ่งให้กำเนิดโดยแม่ที่ชื่อ Patty และเทวทูตขาว (หรือ Whitelighter) ที่ชื่อ Sam ซึ่งเป็นผู้ปกป้องสำหรับแม่มด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเทวทูตขาวกับแม่มดในตอนนั้นเป็นสิ่งต้องห้ามและยังไม่เคยเกิดขึ้น พวกเขายกลูกสาวให้กับแม่ชี Sister Agnes และภายหลัง ครอบครัว Matthew รับเลี้ยงเธอ โดยพ่อแม่ที่แท้จริงของพวกเธอขอเพียงแค่ให้ตั้งชื่อลูกขึ้นต้นด้วยตัวอักษร 'P' ตามธรรมเนียม Paige ได้รับพลังในการเคลื่อนตัว ซึ่งได้มาจากพ่อซึ่งเป็นเทวทูตขาว ในตอนแรก Paige ทำได้เพียงแค่เคลื่อนหายตัวออกไปเพียงชั่วขณะ และกลับมาอยู่ที่จุดเดิม ซึ่งถูกกระตุ้นโดยความกลัวและความประหลาดใจ ภายหลัง เธอสามารถเคลื่อนหายตัวในไหนก็ได้ที่เธอต้องการ เพื่อให้คำทำนายที่กล่าวว่าสามดรุณีจะมีอำนาจสามอย่างเป็นจริงนั้น พี่น้องคนที่สามจะต้องมีอำนาจในการเคลื่อนย้าย ซึ่งการเป็นครึ่งแม่มด ครึ่งเทวทูตขาว ทำให้อำนาจของ Paige ที่ได้รับตกทอดมาจาก Patty ซึ่งเป็นแม่นั้นแตกต่างจากการเคลื่อนย้ายที่ Prue มี Paige นั้นสามารถที่จะเคลื่อนย้ายสิ่งของด้วยการเรียกหา แล้วสิ่งของนั้นจะเคลื่อนหายตัวมาหาเธอหรือไปยังสถานที่ที่เธอต้องการให้ไป จะเห็นได้ว่าอำนาจนี้ต้องใช้การเปล่งเสียง แต่เธอยังสามารถทำได้โดยไม่เปล่งเสียงในสถานะที่สูงขึ้นและในกรณีอื่น ๆ อำนาจนี้เรียกว่า การเคลื่อนย้ายด้วยการเคลื่อนหายตัว (หรือ Telekinetic Orbing) ในฤดูกาลที่ห้า Paige เปิดเผยว่าเธอยังมีอำนาจอื่นที่ได้มาจากเทวทูตขาว เช่นการเปลี่ยนลักษณะรูปร่างของสิ่งของ (หรือ Glamouring) ในตอนกลางของฤดูกาลที่แปด Paige ได้พัฒนาอำนาจเทวทูตขาวของเธอ โดยเธอสามารถรักษาผู้บริสุทธิ์ได้และยังรู้ว่าบุคคลที่ตนดูแลอยู่นั้นอยู่ที่ใดจากการรู้สึกได้
ใจความของเรื่องทั้งหมดในภาพยนตร์ชุดเรื่องนี้นั้นเกี่ยวกับการที่สามพี่น้องพยายามที่จะใช้ชีวิตปกติของพวกเขากับภาระด้านสิ่งเหนือธรรมชาติ ภาระที่จะต้องเก็บเรื่องทุกอย่างให้เป็นความลับจากโลกภายนอกนั้นสร้างความตึงเครียดให้พวกเธอด้านความสัมพันธ์ การทำงาน และด้านความรัก โดยมีคนไม่กี่คนที่รู้ถึงความลับของพวกเธอและคอยช่วยเหลือเธอ โดยบุคคลที่สำคัญที่สุดคือ Leo Wyatt ซึ่งเป็นเทวทูตขาว โดยท่านผู้เฒ่า (หรือ Elders) ได้ส่งเขามาดูแลสามดรุณี Leo นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องมากมายทั้งในด้านการงานและด้านส่วนตัว โดยเขาสามารถจะรักษาบาดแผลพวกเธอ คอยแนะนำพวกเธอโดยรวมหรือเป็นการส่วนตัว พยายามไกล่เลี่ยพวกเธอกับพวกผู้เฒ่า และเขายังกลายเป็นบุคคลที่ Piper รัก เป็นสามีของ Piper และเป็นพ่อของลูก ๆ โดยผู้อื่นที่ได้รู้ความลับของพวกเธอยังมีตำรวจที่ชื่อ Andy Trudeau และ Darryl Morris ครึ่งคนครึ่งปีศาจที่ชื่อ Cole Turner ผู้ท่องเวลาลึกลับชื่อ Chris Perry สองพี่น้อง Christy และ Billie Jenkins สามีของ Paige ที่ชื่อ Henry Mitchell และเหล่าชุมชนเวทมนตร์อื่น ๆ
สมาชิกปัจจุบัน
Piper Halliwell
Phoebe Halliwell
Paige Matthewsสมาชิกที่เสียชีวิตแล้ว
Prue Halliwellพันธมิตร
ผู้เฒ่า (The Elders)Leo WyattCoopBillie Jenkins
ลำดับชื่อในห้าตอนแรกของภาพยนตร์ชุดนี้มีลำดับตามนี้: Shannen Doherty, Holly Marie Combs, T.W. King, Dorian Gregory, และ Alyssa Milano โดยเริ่มตั้งแต่ตอนที่หกเป็นต้นมา นักแสดงหญิงที่แสดงเป็นแม่มดสามดรุณีจะมีลำดับมาก่อนเสมอ แล้วตามด้วยชื่อนักแสดงสมทบที่ได้เซ็นสัญญาในแต่ละฤดูกาลของภาพยนตร์ชุดนี้ และหากนักแสดงสมทบที่ไม่ได้ปรากฏในบางตอน ชื่อของเขาหรือเธอจะไม่ปรากฏในฉากเปิดตัวของเรื่อง ในฤดูกาลที่สอง ตอน "Morality Bites" เป็นตอนเดียวที่มีเพียงนักแสดงนำสามคน นั่นก็คือ Shannen Doherty, Holly Marie Combs และ Alyssa Milano
ตั้งแต่ฤดูกาลที่หนึ่งถึงหนึ่งสาม นักแสดงนำหญิงเรียงลำดับตามอายุของตัวละคร ดังนี้: Shannen Doherty, Holly Marie Combs, และ Alyssa Milano หลังจากการไปของ Shannen Doherty ฉากเปิดตัวได้เปลี่ยนลำดับ โดยให้นักแสดงที่แสดงนำก่อนหน้านี้อยู่ในอันดับแรกและอันดับสุดท้าย โดยมีนักแสดงใหม่อยู่ตรงกลาง ดังนี้: Alyssa Milano, Rose McGowan, และ Holly Marie Combs เป็น "Piper" Brian Krause ซึ่งกลายเป็นตัวละครหลักในครึ่งฤดูกาลหลังของฤดูกาลที่สองเป็นต้นมา มีลำดับที่สี่ในฉากเปิดตัวของเรื่องตั้งแต่ฤดูกาลที่สามถึงเจ็ด แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ในฤดูกาลที่แปด Kaley Cuoco กลายเป็นลำดับที่สี่ในฉากเปิดตัวของเรื่อง
ภาพยนตร์ชุดนี้สนใจเกี่ยวกับการพัฒนาของตัวละครหลัก โดยแต่ละตัวละครต่างมีปัญหาในชีวิต โดยเป็นผู้หญิงในวัยยี่สิบตอนปลายจนถึงสามสิบต้น ๆ พี่น้องสามคนต่างก็ต้องพยายามสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตด้านเวทมนตร์กับชีวิตธรรมดาในแต่ละวัน รวมถึงด้านการงาน (อาชีพของ Prue, การเรียนและการงานของ Phoebe, Piper ในการเป็นแม่ และ Paige เกี่ยวกับการยอมรับว่าเวทมนตร์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเธอ) รวมถึงด้านชีวิตรักของพวกเธอ และปัญหาที่มาจากการปกปิดชีวิตพวกเธอจากมนุษย์คนอื่น ความรักของ Leo และ Piper ที่ขัดกับกฎของเหล่าผู้เฒ่า และความรักระหว่าง Phoebe กับมนุษย์ครึ่งปีศาจ Cole
หลังจากต้องต่อสู้กับพลังอำนาจมืดหลาย ๆ ครั้ง ทำให้การตายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเธอ โดยพวกเธอได้ตายมาแล้วหลายครั้ง Piper และ Phoebe ได้เสียชีวิตมาแล้วเก้าครั้ง โดยที่ Paige เสียชีวิตเจ็ดครั้ง และ Prue เสียชีวิตมาสามครั้ง ยกเว้นการตายของ Prue ในตอนสุดท้ายของฤดูกาลที่สาม โดยผู้ที่สนับสนุนตัวละครหลักหรือตัวละครหลักจะหาทางที่จะทำให้พวกเธอกลับมามีชีวิตอีกครั้งได้
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การตายที่เกี่ยวข้องกับสามดรุณีก็ไม่ได้ทำให้ตัวละครบางตัวฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาได้ ยกตัวอย่างเช่น Andy, Cole, Kyle Brody, และ Chris ในรูปผู้ใหญ่ แต่ถึงกระนั้น Chris, Kyle, และ Cole ได้ปรากฏตัวในตอนบางตอนหลังจากการตายของพวกเขา แต่ไม่มีการฟื้นคืนชีวิต Kyle ได้กลายเป็นเทวทูตขาว Cole ไปอยู่ในสถานที่ที่ถูกทอดทิ้งหรือถูกลืม (หรือ Limbo) และ การปรากฏตัวของ Chris ในตอนแรกนั้นเป็นความผิดพลาดของ Leo แต่การปรากฏตัวของเขาครั้งที่สองนั้นเป็น Chris จากอนาคตที่แตกต่าง
ในโลกของสามดรุณี โลกแห่งเวทมนตร์นั้นได้ถูกปกปิดจากเหล่าสังคมมนุษย์ โดยปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวละครหลักนั้นเกี่ยวกับการต่อสู่เหล่าอำนาจมืด โดยไม่ให้เหล่ามนุษย์ล่วงรู้และปกปิดเวทมนตร์ โดยในภาพยนตร์ชุดนี้ นักเขียนของเรื่องได้สร้างตอนที่เกี่ยวกับผลกระทบอันร้ายแรงจากการเปิดโปงด้านเวทมนตร์ในสังคมมนุษย์ โดยเห็นได้ชัดจากฤดูกาลที่สอง ตอน "Morality Bites" ซึ่งเป็นการประหารชีวิตของ Phoebe ในอนาคตอีกรูปแบบหนึ่ง และในฤดูกาลที่สาม ตอน "All Hell Breaks Loose" ซึ่งเป็นการตายของ Prue และสุดท้ายในฤดูกาลที่เจ็ด ตอน "Something Wicca This Way Goes" ซึ่งเป็นการจำลองการตายของเหล่าสามดรุณีและ Leo เพื่อปกปิดจากเหล่าสังคมมนุษย์และเวทมนตร์เช่นกัน
ในฤดูกาลที่หก ตอน "Forget Me...Not" ได้มีตัวละครที่ชื่อ Cleaners ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตด้านเวทมนตร์ซึ่งมีความสามารถในการบิดเบือนโลกแห่งความจริงเพื่อปกป้องความลับเกี่ยวกับเวทมนตร์ โดยส่วนใหญ่จะถูกสั่งให้ตามบิดเบือนตามสามดรุณี แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่เคยอธิบายว่าทำไมตัวละครเหล่านี้ไม่บิดเบือนหรือแซกแทรงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอน "All Hell Breaks Loose"
ในระหว่างแปดฤดูกาลของภาพยนตร์ชุดนี้ โลกของสามดรุณีได้เปลี่ยนแปลงมากมาย รวมถึงการจากไปของนักแสดงและตัวละครต่าง ๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพยนตร์ชุดทั้งหมด เหตุผลอื่นของการเปลี่ยนแปลงของรายการนั้น Brad Kern ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสร้างด้านบริหารได้เปิดเผยว่าเป็นผลมาจากการตัดงบประมาณ โดยเหตุผลส่วนใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงของรายการนั้นมักไม่ได้ถูกประกาศให้ทราบ ทำให้เกิดการโต้แย้งจากแฟนรายการมากมาย การเปลี่ยนแปลงของเรื่อง Charmed นั้นได้มีการพูดคุยกันผ่านทางอินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลาย รวมถึงการถกเถียงกันเรื่องการโต้แย้งกันของ Kern กับ Burge และ Milano กับ Doherty
ในระหว่างฤดูกาลที่สองและสาม ผู้สร้างและผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร Constance M. Burge ได้ลาออก โดยทิ้งให้ Brad Kern ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริการจัดการต่อ Burge ยังผลิตรายการอื่น ๆ อยู่ แต่ก็ยังเป็นที่ปรึกษาด้านการสร้างสรรค์ของรายการนี้จนถึงฤดูกาลที่สี่ การลาออกของ Burge ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเรื่องราว แทนที่จะเป็นระบบปีศาจในแต่ละอาทิตย์ ได้กลายเป็นด้านชีวิตส่วนตัวของนักแสดงนำแทน
การต่อเนื่องกันของแต่ละตอนของรายการนี้ได้ถึงขั้นสุดท้ายในช่วงหลังของฤดูกาลที่สี่ โดยที่จำนวนผู้ชมได้เพิ่มขึ้นในช่วงสุดท้ายของฤดูกาลที่สี่ (ตั้งแต่ตอนที่ 19 ถึง 21 ของฤดูกาลที่สี่) The WB ได้ขอให้ Brad Kern ละทิ้งระบบต่อเนื่องในอนาคต ทำให้ในฤดูกาลที่ห้าเป็นเรื่องราวที่เป็นตอน ๆ ไป และทำให้ระบบสองระบบสมดุลกันตั้งแต่ฤดูกาลที่หกเป็นต้นมา โดยลาออกของ Constance M. Burge นั้นมักจะถูกโต้วาทีกันในเว็บไซต์แฟนคลับของ Charmed ซึ่งเหตุผลที่แท้จริงนั้นไม่เคยถูกเปิดเผย บ้างก็มีข่าวที่ไม่มีการออกมายืนยันว่าจริงหรือไม่ (เช่น Burge ลาออกเพราะเธอไม่เห็นด้วยกับการสร้างตัวละคร Cole หรือการถกเถียงกันเรื่องโครงสร้างเรื่อง) ซึ่งก็ยังเป็นที่โต้แย้งกันในเหล่าแฟนภาพยนตร์ชุดนี้ ว่า Kern หรือ Burge ผู้ใดจะเป็นผู้อำนวยการสร้างที่ดีกว่า
ในตอนสุดท้ายของฤดูกาลที่สาม Shannen Doherty ได้ลาออกจากรายการ เป็นผลทำให้ตัวละครของเธอนั้นถูกฆ่าตาย และได้แนะนำตัวละครใหม่ของ Rose McGowan ชื่อ Paige ในตอน "Death Takes a Halliwell" เทวดาแห่งความตายได้บอกล่วงหน้าถึงการตายของ Prue ทำให้ "All Hell Breaks Loose" (ตอนจบของฤดูกาลที่สาม) กลายเป็นเรื่องราวที่ได้ถูกคาดคะเนและน่าตื่นเต้น แต่การตายของ Prue ในฤดูกาลที่สี่นั้นมีให้ชมได้เพียงตอนแรกของฤดูกาลเท่านั้น เหล่าแฟนรายการยังครุ่นคิดถึงการจากไปของ Doherty บางทีข่าวลือก็มีเกี่ยวกับการที่ Doherty มีความเครียดระหว่างผู้ร่วมงาน บางข่าวลือก็โทษ Alyssa Milano ในเหตุผลที่ว่า Milano ได้ขอผู้อำนวยการสร้างให้ปล่อย Doherty ออกจากรายการ ซึ่งข่าวลือพวกนี้ทำให้เกิดการโต้เถียงที่รุนแรงขึ้นว่าเป็นความผิดใคร ระหว่าง Doherty, Milano หรือคนอื่น
ภาพยนตร์ชุดเรื่องนี้ได้เปลี่ยนเวลาการออกอากาศหลายครั้ง โดยตอนแรกนั้นได้ออกอากาศคืนวันพุธ ต่อมาได้ย้ายไปเป็นคืนวันพฤหัสในฤดูกาลที่สอง และเมื่อเริ่มฤดูกาลที่ห้า รายการนี้ได้เปลี่ยนไปออกอากาศคืนวันอาทิตย์ในช่วง "The WB's Big Sunday" ซึ่งทำให้มีผลกระทบต่อยอดผู้ชม หลังจากที่ได้ย้ายไปออกอากาศวันอาทิตย์ รายการนี้ต้องแข่งขันกับรายการอื่นซึ่งมีผู้ชมมากเช่นกัน เช่น Extreme Makeover: Home Edition และ The Simpsons และรวมถึงงานประกาศรางวัลลูกโลกทองคำอีกด้วย
ในสามฤดูกาลแรก Charmed มีเพียงสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่ซับซ้อน เช่น เน็กซัสแห่งวิญญาณ และการใช้เวทมนตร์คาถา รวมถึงสิ่งมีชีวิตเวทมนตร์อื่น ๆ เช่น เทวทูตขาว และเทวทูตดำ โดยยังรวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่มักจะไม่ปรากฏบ่อยครั้งในวงการโทรทัศน์ เช่น Woogyman, the Wendigo หรือ the Banshee ซึ่งทั้งหมดนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Constance M. Burge รวมถึงผู้แก้ไขเรื่องราวอย่าง Robert Masello ซึ่งเป็นผู้ชำนาญด้านเรื่องอภินิหารหรือนิยายในรายการนี้
ตั้งแต่ฤดูกาลที่สี่เป็นต้นมา ภาพยนตร์ชุดเรื่องนี้เริ่มใช้สิ่งมีชีวิตจากนิยายอภินิหารของกรีกและโรมัน รวมถึงคติชาวบ้านทั่วไปอย่างเช่น Leprechauns และคนแคระ เป็นต้น